ปีทองหนังไทย สัปเหร่อ ธี่หยด และ 4kings ภาค 2 ผู้นำซอฟต์พาวเวอร์ 2566 ปลุกอุตสาหกรรมภาพยนตร์ให้คึกคัก
นับเป็นปีทองของวงการภาพยนตร์ไทย จากหนังไทย 3 เรื่อง ได้แก่ สัปเหร่อ ธี่หยด และ 4kings ภาค 2 ที่กวาดรายได้ถล่มทลายหลักร้อยล้านบาท จนปลุกอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยให้คึกคัก ทั้งยังเป็นส่วนหนี่งของการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย ไปยังต่างประเทศ และกลายเป็นอีกช่องทางการขับเคลื่อนซอฟท์พาวเวอร์ไทย (Thai Soft Power)
จากหนังผีสไตล์ไทย สัปเหร่อ และ ธี่หยด สู่การขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ด้านมิติทางวัฒนธรรมท้องถิ่น ที่แฝงความเชื่อ วิถีชุมชนในต่างจังหวัด โดยเฉพาะภาพยนตร์ สัปเหร่อ แห่งจักรวาลไทบ้าน ผลงานกำกับครั้งแรกของ ต้องเต ธิติ ที่เขย่ากระแสสังคม ด้วยการหยิบเอาความเชื่อเรื่องความตาย และความเป็นชุมชนท้องถิ่นอีสานมาบอกเล่าได้อย่างเรียบง่าย จนกวาดรายได้ไปถึง 720 ล้านบาท ทำสถิติเป็นหนังไทยรายได้รวมแรงที่สุดในรอบ 10 ปี
ซึ่งนอกจากจะกระแสแรงในไทยแล้ว ยังลามไปถึงเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว เพราะสามารถทำลายสถิติ ขึ้นแท่นเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล ในบรรดาภาพยนตร์ที่เข้าฉายในประเทศลาว ไม่เพียงแค่นั้นยังประกาศศักดาผีไทยให้นานาชาติได้ชม จัดฉายสู่สายตาผู้ชม 9 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น, สิงคโปร์, ไต้หวัน, มาเลเซีย, พม่า, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเชีย และกัมพูชา
ตามมาด้วยหนังผีชั้นเลิศอย่าง ธี่หยด ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากตำนานเรื่องเล่าสยองขวัญบนเว็บไซต์พันทิป (Pantip) หลังจากในประเทศ ทำรายได้ร่วม 500 ล้านบาท ขึ้นแท่นอันดับ 4 หนังไทยทำเงินสูงสุด รองจากพี่มาก..พระโขนง , สัปเหร่อ, ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ พร้อมออกเดินทางไปสร้างความหลอนให้กับคอหนังสยองขวัญทั่วโลกกว่า 20 ประเทศ ทั้งใน ลาว , กัมพูชา , สิงคโปร์ , เวียดนาม, อินโดนีเซีย, ไต้หวัน, มาเลเซีย, บรูไน, ฟิลิปปินส์, รัสเซีย, จอร์เจีย, อาเมเนีย, เบราลุส, เติร์กเมนิสถาน, ทาจิกิสถาน, อุซเบกิสถาน, อาร์เซอไบจาน, คาซัคสถาน, มอลโดวาฯ
ขณะที่ภาพยนตร์น้ำดีที่ตีแผ่สะท้อนปัญหาของสังคมไทย 4 kings ภาค 2 รับไม้ต่อจาก สัปเหร่อ และ ธี่หยด สร้างปรากฎการณ์หนังไทยครองโรงภาพยนตร์ในสัดส่วนที่มากกว่าหนังต่างประเทศในช่วงวันหยุดวันพ่อที่ผ่านมา (5 ธ.ค.) ซึ่งถือเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว เท่านั้นไม่พอ 4 Kings 2 ยังทำรายได้เปิดตัววันแรกทั่วประเทศสูงถึง 19 ล้านบาท กลายเป็นหนังไทยทำเงินเปิดตัวทั่วประเทศสูงเป็นอันดับ 3 ในรอบ 4 ปีนี้ (ตามหลังธี่หยด และบุพเพสันนิวาส 2) และกวาดรายได้ 120 ล้านบาท ภายใน 7 วัน
จากภาพยนตร์ทั้ง 3 เรื่อง ล้วนได้รับการยอมรับระดับในประเทศ การันตีจากยอดรายได้และกระแสนิยม ซึ่งต่างก็มีซิกเนเจอร์ที่สื่อความหมายให้เห็นแง่มุมของไทย กลายเป็นอีกช่องทางการขับเคลื่อน ซอฟต์ พาวเวอร์ ไทย (Thai Soft Power) ให้ต่างชาติได้ค้นหาอีกมากมาย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ย้อนความทรงจำ กับ 10 ข่าวเด่นร้อนแรงรอบปี 2566
- แอนโทเนีย-อิงฟ้า-พีพี-เจฟ ครองที่สุดสายบันเทิงแห่งปี 2566
- ลิซ่า BLACKPINK ท็อปสตาร์แห่งยุค ผู้เปิดประตู Soft Power สู่สายตาชาวโลก
