10 ข่าวเด่น ปี 2566 ประเทศไทย และทั่วโลกยังคงมีเหตุการณ์สำคัญๆ เกิดขึ้น แม้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะเบาบางลงบ้างแล้วก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงนั่นคือ การเลือกตั้ง ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ เข้ามาบริหารประเทศ แต่ยังมีเรื่องราวอีกจำนวนมากที่เกิดขึ้นในรอบปี 2566 ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม อาชญากรรม และก่อการร้าย
สำนักข่าว The Bangkok Insight ได้รวบรวม 10 เรื่องเด่นที่น่าสนใจในรอบปี 2566 ไว้ดังนี้
10 ข่าวเด่น ปี 2566
1. “ก้าวไกล” ชนะเลือกตั้งถล่มทลาย
แต่ “เศรษฐา” ได้เป็น “นายกรัฐมนตรี”
ปี 2566 ถือเป็นปีแห่งประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของประเทศไทยที่ได้มีการเลือกตั้งครั้งแรก หลังการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ยาวนานมาเกือบ 10 ปี
การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 “พรรคก้าวไกล“ ได้รับคะแนนเสียงไปอย่างถล่มทลาย หลังการเลือกตั้ง “พรรคก้าวไกล” พยายามจัดตั้งรัฐบาล โดยมีการรวมพรรคอื่น ๆ เพื่อตั้งรัฐบาลด้วยกันทั้งหมด 8 พรรค รวมได้ 312 เสียง
ทั้ง 8 พรรคร่วมลงนามข้อตกลงร่วม (MOU) ในการจัดตั้งรัฐบาล ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 ซึ่งถือเป็นวันครบรอบรัฐประหารในปีที่ 9 แต่ใครจะรู้!! แม้ภาพการจับมือตั้งรัฐบาลอย่างเหนียวแน่น แต่หนทางของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ช่างมืดมน!!
วันที่ 13 กรกฎาคม 2566 “รัฐสภา” โหวตนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งแรก พรรคร่วม MOU เสนอชื่อ “พิธา” แต่ทุกอย่างจบลงผิดหวัง เมื่อ “พิธา” ได้คะแนนเห็นชอบ 324 เสียง ไม่เห็นชอบ 182 เสียง งดออกเสียงถึง 199 เสียง แม้พรรคร่วม MOU จะจับมือกันแน่น แต่ก็ไม่สามารถทานแรงต้านของกลุ่ม ส.ว. ได้
จากนั้นวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 มีการนัดประชุมรัฐสภาให้โหวตนายกรัฐมนตรีรอบที่ 2 มีความพยายามเสนอชื่อ “พิธา” อีกครั้ง แต่ทุกอย่างก็จบลง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องเรื่องหุ้นไอทีวี มีคำสั่งให้ “พิธา” หยุดปฎิบัติหน้าที่ ส.ส. และต้องเดินออกจากที่ประชุมทันที
วันที่ 21 กรกฎาคม 2566 “พรรคก้าวไกล” ประกาศส่งไม้ต่อในการจัดตั้งรัฐบาลให้กับ “พรรคเพื่อไทย” และจากนั้นเพื่อไทยจึงเริ่มเดินสายคุยกับพรรคการเมืองนอก 8 พรรคร่วม MOU ก่อนที่จะออกมาประกาศว่าไม่สามารถให้ “พรรคก้าวไกล” ร่วมรัฐบาลได้ ทำให้พรรคก้าวไกลกลายเป็นฝ่ายค้านไปทันที
จากนั้นวันที่ 21 สิงหาคม 2566 พรรคเพื่อไทย แถลงการจัดตั้งรัฐบาลพรรค และการแบ่งโควตารัฐมนตรี โดยรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยมีทั้งหมด 11 พรรค รวม 314 เสียง
บทสรุปการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์จบลงเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 การโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งสุดท้าย ที่ประชุมมีมติ 482 ต่อ 165 เห็นชอบให้ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยคะแนนโหวตครั้งนี้มีเสียงจาก สว. ถึง 152 เสียง และยังมี สส. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่แหกมติพรรคอีก 16 เสียง ทำให้ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย
2. 17 ปีแห่งการรอคอย “ทักษิณ” กลับบ้าน
เรื่องร้อนที่ยังไม่ลงตัว!!
เป็นอีกหนึ่งข่าวที่ร้อนในรอบปี 2566 ที่มีการพูดถึงกันมาก และเกิดคำถามมากมายเวลานี้ กับอาการป่วย และการเข้ารับรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ กับการคุมขังนอกเรือนจำ ภายหลังกลับมาเมืองไทย เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ครั้งแรกในรอบ 17 ปี ของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังจากหนีคดีออกจากประเทศไทยไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2551
22 สิงหาคม 2566 นายทักษิณ เดินทางด้วยเครื่องบิน Gulf stream รุ่น G650-ER เครื่องบินส่วนตัว เริ่มจากเวลา 07.20 น. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของนายทักษิณ โพสต์เฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra เป็นภาพสวมกอด และส่งนายทักษิณ ขึ้นเครื่องที่ประเทศสิงคโปร์ พร้อมระบุว่า “และแล้ววันที่พี่รอคอยก็มาถึง” พร้อมข้อความ ตลอดเวลา 17 ปี พี่คงจะรู้สึกโดดเดี่ยว เหงา ทุกข์ และคิดถึงบ้านมากแต่พี่ก็ต้องอดทน และน้องเชื่อว่าพี่ก็คงใช้เวลาคิดตัดสินใจอยู่นาน แต่สุดท้ายด้วยความคิดถึงครอบครัว และอยากใช้ชีวิตที่ประเทศบ้านเกิดของเรา น้องก็เคารพในการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวของพี่ครั้งนี้ น้องขอเก็บภาพความทรงจำที่ได้ร่วมเดินทางจากดูไบมาส่งพี่ จนถึงเครื่องบินก่อนที่จะกลับเมืองไทย
จากนั้น 09.30 น.นายทักษิณ เดินทางเหยียบแผ่นดินไทย ออกมาบริเวณหน้าอาคารผู้โดยสาร อากาศยานส่วนบุคคล โดยสวมสูทสีกรมท่า เสื้อเชิ้ตสีขาว และเนคไทสีแดง เข้าถวายบังคมพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 10
โดยมีลูกทั้ง 3 คน นางสาวแพทองธาร นางสาวพินทองทา และนายพานทองแท้ พร้อมด้วยนักการเมืองหลายคน อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา รวมถึงแฟนคลับเสื้อแดงอีกจำนวนหนึ่งมารอรับ
เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวทักษิณ ออกจากสนามบินดอนเมือง เดินทางไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยศาลฎีกาฯ บังคับโทษ 3 คดี นับโทษรวมจำคุก 8 ปี และราชทัณฑ์ได้ตัวส่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครทันที
23 สิงหาคม 2566: เวลา 00.20 น.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้นำตัวนายทักษิณ ส่งโรงพยาบาลตำรวจ หลังจากมีอาการนอนไม่หลับ แน่นหน้าอก วัดความดันโลหิตสูง ระดับออกซิเจนปลายนิ้วต่ำ หลังจากอยู่ที่แดน 7 เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ได้ 12 ชั่วโมง
21 ตุลาคม 2566: กรมราชทัณฑ์ ออกเอกสารชี้แจงนายทักษิณ ยังไม่หายป่วยต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ หลังรักษาตัวนอกเรือนจำครบ 60 วัน แต่ไม่สามารถเปิดข้อมูลอาการได้
11 ธันวาคม 2566: นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รักษาราชการแทน อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ลงนามคำสั่งเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2566 เรื่องระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัด
22 ธันวาคม 2566: ครบกำหนด 120 วัน ที่นายทักษิณ ยังคงรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเกิดกระแสคำถามในสังคมอย่างมาก สอบถามอาการป่วย ทำไมต้องเป็นชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ผลปรากฎตอบไม่ได้ มีการระบุเป็นข้อมูลส่วนบุคคล เป็นข้อมูลของผู้ป่วย ตามกฎหมายไม่สามารถเปิดเผยได้
ขณะที่โรงพยาบาลออก มาระบุว่าไม่มีอำนาจหน้าที่ในการอนุญาต หรือไม่อนุญาตให้บุคคลเข้าพื้นที่การควบคุม ชี้เป็นพื้นที่ควบคุมที่อยู่ในความดูแลของกรมราชทัณฑ์ ตามบทบัญญัติของกฎหมายเฉพาะ หลังจากมีกลุ่มคนเรียกร้องที่จะเข้าไปในพื้นที่ มาถึงวันนี้นายทักษิณ ก็ยังคงรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นในสังคมอยู่ถึงวันนี้
3. สงครามอิสราเอล-ฮามาส สะเทือนทั้งโลก
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 กลุ่มฮามาส สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก ด้วยการเปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่ต่ออิสราเอลแบบไม่มีการส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้า ทั้งยิงจรวดโจมตี จากฉนวนกาซา และส่งกองกำลังบุกข้ามพรมแดนเข้าสู่อิสราเอล ทำร้ายผู้คน และจับคนไปเป็นตัวประกันจำนวนมาก ถือเป็นความขัดแย้งที่มีการเผชิญหน้ากันตรง ๆ ภายในดินแดนของอิสราเอลครั้งแรก นับตั้งแต่สงครามอาหรับ-อิสราเอล เมื่อปี 2491
ในการโจมตีดังกล่าว กลุ่มฮามาสยิงจรวดไม่ต่ำกว่า 3,000 ลูก เข้าไปยังอิสราเอล ขณะเดียวกับที่กลุ่มติดอาวุธได้แทรกซึมเข้าไปในดินแดนของอิสราเอล ส่งผลให้มีชาวอิสราเอลเสียชีวิตประมาณ 700 คน โดยรัฐบาลอิสราเอลได้ตอบโต้โดยการประกาศสถานะสงครามและเปิด ปฏิบัติการดาบเหล็ก (Operation Iron Swords) ต่อกลุ่มฮามาส สถานการณ์ที่นำไปสู่การสู้รบอย่างยืดเยื้อมาจนถึงทุกวันนี้
กองทัพอิสราเอลยอมรับว่า การต่อสู้กับฮามาส เป็นสงครามที่ซับซ้อนและยุ่งยาก ทำให้ทหารเสียชีวิตจำนวนมาก ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ ก็ได้ประณามอิสราเอล ที่โจมตีค่ายผู้ลี้ภัยมากาซี ว่า เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งจนถึงขณะนี้ มีชาวปาเลสไตน์ ที่เสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลไปแล้วมากกว่า 20,000 คน
แม้ทั้ง 2 ฝ่าย จะสามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกันไปช่วงหนึ่ง เพื่อดำเนินการแลกตัวประกันที่ถูกฮามาสจับตัวไป กับนักโทษปาเลสไตน์ และการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่ฉนวนกาซา แต่เมื่อข้อตกลงจบสิ้นลง การสู้รบก็กลับมารุนแรงอีกครั้ง โดยที่อิสราเอลประกาศกร้าวว่า จะต้องกวาดล้างกลุ่มฮามาสให้สูญพันธุ์ไปให้ได้ จึงจะยุติการโจมตี
4. แอนโทเนีย พลิกประวัติศาสตร์รอบ 35 ปี
คว้ารองอันดับ 1 MU 2023
หัวใจคนไทยพร้อมใจฟูขึ้นมาเลย หลังจากที่ แอนโทเนีย โพซิ้ว สามารถไปคว้าตำแหน่ง รองชนะเลิศอันดับที่ 1 Miss Universe 2023 ในการประกวด นางงามจักรวาล ครั้งที่ 72 ที่จัดขึ้น ณ ยิมเนเซียมแห่งชาติ ในกรุงซานซัลวาดอร์ ประเทศเอลซัลวาดอร์ ซึ่งถือว่าสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ในรอบ 35 ปี ที่ตัวแทนจากประเทศไทย สามารถเข้ามาในรอบการประกวดที่ลึกที่สุด
สำหรับในการประกวด Miss Universe 2023 แอนโทเนีย ตัวแทนสาวงามจากประเทศไทย ถูกขานชื่อเข้ารอบ 3 คนสุดท้ายไปได้ หลังจากที่เธอได้ตอบคำถามทัชใจ ในรอบ 5 คนสุดท้าย โดยรอบสุดท้ายนี้ นางงาม 3 ชาติ ได้แก่ ไทย ออสเตรเลีย และนิการากัว ต้องมาวัดกันด้วยการตอบคำถามว่า “ถ้าคุณสามารถใช้ชีวิตเป็นผู้หญิงคนอื่นได้ 1 ปี คุณจะเลือกเป็นใคร”
แอนโทเนีย ตอบว่า ฉันขอเลือกเป็น มะลาละห์ ยูซัฟซัย เพราะฉันรู้ว่าเธอผ่านความยากลำบากอะไรมา จนทำให้เธอมีทุกวันนี้ เธอต่อสู้เพื่อการศึกษาของผู้หญิงทุกคน เธอต่อสู้เพื่อให้ผู้หญิงได้ลุกขึ้นยืนอย่างแข็งแกร่ง และเธอคือแบบอย่างของการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น หากฉันเลือกได้ ฉันก็อยากที่จะเป็นเธอ ซึ่งมะลาละห์ ยูซัฟซัย เป็นนักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนและสิทธิสตรีชาวปากีสถานอายุ 24 ปี และผู้ชนะรางวัลโนเบลสันติภาพปี 2557 จากการต่อสู้เพื่อการศึกษาของเด็ก
นาทีที่ลุ้นระทึกที่สุดก็มาถึง ผลปรากฏว่าสาวงามผู้คว้ามงกุฎมิสยูนิเวิร์ส 2023 ได้แก่ เชย์นิส ปาลาซิออส นักสื่อสารมวลชนวัย 23 ปี ส่วน แอนโทเนีย ถือว่าเป็นที่สุดในรอบ 35 ปี เธอสามารถคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 1 มาครอง
5. รัฐลุยปราบมาเฟีย บัญชีม้า ส่วยสติ๊กเกอร์
ปัจจุบันอาชญากรรม บนโลกออนไลน์ หรือ “อาชญากรรมทางไซเบอร์” (Cybercrime) ที่เหล่ามิจฉาชีพใช้เทคโนโลยี เพื่อหลอกเหยื่อให้หลงกลแล้วได้เงินมาแบบง่าย ๆ กลายเป็นภัยร้ายใกล้ตัวเพียงแค่ปลายนิ้ว นับเป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาล ที่ต้องเร่งปราบปรามให้หมดสิ้น
กลโกงของมิจฉาชีพนั้น ปรับเเปลี่ยนไปตลอดเวลาตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี แต่ที่จะพบได้บ่อยคือ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งที่ผ่านมามีเหยื่อสูญเงินตั้งแต่หลัก 1,000 บาท สูงสุดถึงหลัก 100 ล้าน รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจจัดตั้ง ศูนย์ AOC สายด่วน 1441 โดยผลการดำเนินการ มีผู้เดือดร้อนจากกลุ่มวิชาชีพ 32,000 สาย โดยเฉลี่ยต่อวัน 2,691 สาย มีการอายัดบัญชีได้ทันทีทั้งหมด 2,004 บัญชี
แต่อาชญากรรมในไทยนั้นไม่ได้มีแค่บนโลกออนไลน์ ยังพบกลุ่มมาเฟียผู้มีอิทธิพล ใช้อำนาจเงินซื้อกฎหมายไทย เพื่ออำนวยความสะดวกให้ตนเอง
ยกตัวอย่างคดี “กำนันนก” กำนันคนดัง จังหวัดนครปฐม ผู้รับเหมารายใหญ่ ที่มีเงินเป็น 1,000 ล้านบาทภายในเวลาไม่กี่ปี แต่เรื่องแดงเพราะชวนเจ้าหน้าที่ตำรวจไปสังสรรค์ที่บ้าน แต่เกิดเหตุลูกน้องคนสนิทยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว อายุ 31 ปี สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. นายตำรวจหนุ่มตงฉินคางานเลี้ยงบ้านตัวเอง คาดว่ามาจากปัญหาเรื่องตำแหน่ง และส่วยรถบรรทุก เนื่องจากกำนันคนดัง ทำบริษัทรับเหมา ซึ่งปัจจุบันผู้ต้องหายังปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา
ในส่วนปราบมาเฟีย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับมอบหมายจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้ปฏิบัติหน้าที่กวาดล้างผู้มีอิทธิพล ซึ่ง “รมช.มหาดไทย” บอกว่าเป็นงานถนัด เพราะเคยโดนขึ้นบัญชีผู้มีอิทธิพลมาก่อนจึงรู้ไส้รู้พุงผู้มีอิทธิพล เร่งทำบัญชีแยกสีแดงเหลือง ผู้มีอิทธิพลที่พฤติกรรมไม่ดีมีหลายรูปแบบบางคนไม่ได้มีตำแหน่งแต่มีอิทธิพลแต่บางคนมีอิทธิพลมากถึงขั้นแต่งตั้งนักการเมืองได้
6. แจกเงิน “ดิจิทัล วอลเล็ต 1 หมื่นบาท”
ความหวังคนไทย ประชานิยมรัฐบาลเศรษฐา
จากการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยในช่วงก่อนการเลือกตั้ง แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท หรือ ดิจิทัล วอลเล็ต นับว่าได้รับความสนใจจากประชาชนคนไทยอย่างมาก โดยเฉพาะเงื่อนไขที่ว่า ใครจะมีสิทธิได้บ้าง ใช้กับสินค้าประเภทไหน และเมื่อไร
หลังจากผ่านการเฝ้ารอมา 2 เดือน ล่าสุดเมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ออกมาให้ความชัดเจน ดังนี้
สำหรับโครงการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต 1 หมื่นบาท ใช้งบประมาณรวม 5 แสนล้านบาท มีผู้ได้รับสิทธิ 50 ล้านคน ภายใต้เงื่อนไข 3 ข้อ ได้แก่ 1. อายุ 16 ปีขึ้นไป 2. เงินเดือนไม่เกิน 7 หมื่นบาทต่อเดือน 3. เงินฝากรวมทุกบัญชีไม่เกิน 5 แสนบาท
พร้อมกันนี้ ยังได้กำหนดไทม์ไลน์ในการแจกเงินดิจิทัล ดังนี้
- เดือนมีนาคม 2567 เปิดลงทะเบียน/ยืนยันใช้สิทธิ โดยยึดตามอำเภอของทะเบียนบ้าน
- เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2567 เริ่มใช้เงินครั้งแรก
- เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2567 ระยะเวลาสิ้นสุดการใช้เงินของประชาชน
- เดือนเมษายน 2570 ระยะเวลาสิ้นสุดการใช้เงินของร้านค้า
ในส่วนของงบประมาณที่จะนำมาใช้ในโครงการนี้ จะมาจากการออก พ.ร.บ.เงินกู้ วงเงิน 5 แสนล้านบาท ซึ่งต้องส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจรายละเอียดของร่างกฎหมายก่อน หลังจากนั้นสำนักงบประมาณจะหาแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสมต่อไป โดย รัฐบาลจะมีแผนจัดสรรเงินงบประมาณมาเพื่อจ่ายคืนเงินส่วนที่เป็นเงินกู้ตลอดระยะเวลา 4 ปี
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า โครงการนี้ ไม่ใช่การสงเคราะห์ประชาชนผู้ยากไร้ แต่เป็นการเติมเงินลงไปในระบบเศรษฐกิจผ่านสิทธิการใช้จ่าย เพื่อให้ประชาชนมีบทบาทร่วมกับรัฐบาล (Partnership) ในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ จากเงินหมุนเวียนในระบบมากกว่า 5 แสนล้านบาท
7. ปิดคดีดัง “แอม ไซยาไนด์”
รวบรวมหลักฐานนาน 3 เดือน โดน 75 ข้อหา
อีกหนึ่งคดีดัง เมื่อช่วงเดือนเมษายน 2566 การเสียชีวิตปริศนาของ “ก้อย” สาวชาวจังหวัดกาญจนบุรี หายตัวไป พี่สาวและแม่พยายามตามหาเบาะแสทุกช่องทาง จนไปเห็นภาพศพก้อย ที่มีพลเมืองดีโพสต์ตามหาญาติ คนหมดสติเสียชีวิตริมท่าน้ำใน อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
พี่สาวของก้อยติดต่อ “นางสาวแอม” ซึ่งเป็นเพื่อนของก้อย บอกว่าตัวเองอยู่ที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไม่รู้เห็นอะไร และแสดงความเสียใจด้วย เย็นวันนั้นมีตำรวจ สภ.บ้านโป่ง ไปดูกล้องวงจรปิดที่ท่าน้ำ เพื่อนคนหนึ่งของก้อยไปช่วยดู จึงเห็นว่าจริง ๆ แล้ว มีผู้หญิงเสื้อสีขาวไปกับก้อยด้วย
ต่อมาครอบครัวของก้อย ได้นำหลักฐานเข้าร้องกับตำรวจกองบังคับการปราบปราม โดยระบุว่านอกจากกรณีของก้อย ยังมีญาติผู้เสียชีวิตรายอื่นที่เชื่อว่าอาจเชื่อมโยงกับ “แอม” ติดต่อเข้ามา
ที่สำคัญคือสามีของ “แอม” เป็นตำรวจยศ พ.ต.ท. รองผู้กำกับ สภ.บ้านโป่ง (ท้องที่เกิดเหตุ) เริ่มมีการเปิดข้อมูลกรณีอื่นที่เสียชีวิตในลักษณะคล้ายกับก้อยมาเรื่อย ๆ ส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ราชบุรี กาญจนบุรี และนครปฐม และมีความสัมพันธ์เรื่องเงินกับ “แอม” ก่อนเสียชีวิตพบกับ “แอม” เป็นคนสุดท้าย
กระทั่งมีรายงานพบ สารพิษไซยาไนด์ ในศพของก้อย ตำรวจได้เข้าจับกุม “แอม” ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เธอปฏิเสธ
ขณะที่ทนายความของนางสาวแอม มั่นใจสู้คดีได้แน่ เพราะมองว่าการจะเอาผิดต้องมีหลักฐานชัด และตั้งคำถามถึงเคสอื่นจะพิสูจน์อย่างไรศาลยกประโยชน์ข้อสงสัยให้จำเลยอยู่แล้ว ขณะที่ตำรวจยังคงเดินหน้าขยายผล ซึ่งมีรายงานว่าอาจมีมากถึง 10 ศพ
ตำรวจใช้เวลากว่า 3 เดือน รวบรวมพยานหลักฐานจากที่เกิดเหตุทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด การสอบปากคำแพทย์ผู้ชันสูตรศพ ผลตรวจสอบเลือดและสารคัดหลั่งในกระเพาะจากศพเหยื่อรายสุดท้ายที่ จังหวัดราชบุรี จนพบสารไซยาไนด์ในเนื้อตับของผู้ตาย รวมทั้งสอบปากคำพยานอื่น ๆ อีกกว่า 900 ปาก มีเอกสารเกี่ยวกับคดี 26,500 แผ่น
ถือเป็นคดีที่ระดมชุดสืบสวนสอบสวนมากที่สุดในประเทศไทย สามารถสรุปสำนวนดำเนินคดี แอม-สรารัตน์ รวม 15 คดี ประกอบด้วยความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ปลอมปนอาหาร ยาหรือเครื่องอุปโภคบริโภคอื่นใดเพื่อให้บุคคลอื่นเสพหรือใช้ การปลอมปนนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ปลอมและใช้เอกสารปลอม รวมกว่า 75 ข้อหา
8. อัตราดอกเบี้ยระดับสูง หนุนทองคำพุ่งแรงปี 2566
ราคาทองคำ spot ในปี 2566 ล่าสุด ปรับตัวขึ้นมากว่า 12.57% จากช่วงต้นปี ซึ่งราคาทองคำปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 2,144 ดอลลาร์ จากปัจจัยหนุนการส่งสัญญาณยุติขึ้นดอกเบี้ยของ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นกว่าเดิม โดยตลาดคาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมีนาคม 2567
ในปีนี้ ราคาทองคำได้รับปัจจัยหนุนหลายประการ คือ แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัวลง ทำให้มีการคาดว่า ดอกเบี้ยขาขึ้น ของเฟดใกล้จะยุติลงแล้ว และเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปี 2567
ปัจจัยนี้ เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำตลอดทั้งปี ทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นทะลุระดับสูงเป็นประวัติการณ์ 2 รอบ รอบแรกราคาทองคำพุ่งขึ้นแรงสู่ระดับ 2,078 ดอลลาร์ ทะลุระดับสูงเป็นประวัติการณ์เดิม ที่ทำไว้ในระดับ 2,075 ดอลลาร์
ประการต่อมา คือ ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย ที่ยังคงดำเนินอยู่ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว และในช่วงเดือนกรกฎาคม รัสเซียไม่ต่ออายุข้อตกลงธัญพืชในทะเลดำ สร้างความกังวลว่าราคาอาหารต่าง ๆ จะกลับมาพุ่งขึ้นอีกครั้ง และส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อทั่วโลก
9. ปีทองหนังไทย ผู้นำซอฟต์พาวเวอร์
ปลุกอุตสาหกรรมภาพยนตร์ให้คึกคัก
จากหนังผีสไตล์ไทย สัปเหร่อ และ ธี่หยด สู่การขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ด้านมิติทางวัฒนธรรมท้องถิ่น ที่แฝงความเชื่อ วิถีชุมชนในต่างจังหวัด จนปลุกอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยให้คึกคัก กวาดรายได้ถล่มทลายหลักร้อยล้านบาท ทั้งยังประกาศศักดาผีไทยออกเดินทางไปสร้างความหลอนให้กับคอหนังสยองขวัญในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกได้ชม
ขณะที่ 4 kings ภาค 2 รับไม้ต่อจาก สัปเหร่อ และ ธี่หยด สร้างปรากฎการณ์หนังไทยครองโรงภาพยนตร์ในสัดส่วนที่มากกว่าหนังต่างประเทศในช่วงวันหยุดวันพ่อที่ผ่านมา (5 ธ.ค.) ถือเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว
จากภาพยนตร์ทั้ง 3 เรื่อง ล้วนได้รับการยอมรับระดับในประเทศ การันตีจากยอดรายได้และกระแสนิยม ซึ่งต่างก็มีซิกเนเจอร์ที่สื่อความหมายให้เห็นแง่มุมของไทย จนกลายเป็นอีกช่องทางการขับเคลื่อน ซอฟต์ พาวเวอร์ ไทย (Thai Soft Power) ให้ต่างชาติได้ค้นหาอีกมากมาย
10. “พ่อใหญ่บาส” ฉาวส่งท้ายปี
ข่าวฉาวส่งท้ายปี ที่คนไทยและสังคมไทยให้ความสนใจ เห็นทีจะหนีไม่พ้น กรณีของ “พ่อใหญ่บาส-สมรักษ์ คำสิงห์” นักกีฬาไทยคนแรกที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิก ที่ถูกเด็กสาววัย 17 ปี กล่าวหาว่าทำอนาจารและล่วงละเมิดทางเพศ หลังทั้งคู่ได้รู้จักกันในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ก่อนจะเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ถามต่อว่าเด็กสาวอายุ 17 ปี เข้าสถานบันเทิงได้อย่างไร จนกลายเป็นประเด็นที่ชาวเน็ตถกเถียงกันอย่างดุเดือด
หลังจากเด็ก 17 เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น “พ่อใหญ่บาส” ได้เดินทางไปพบพนักงาสอบสวน โดยยืนยันว่า ไม่ได้มีการล่วงละเมิดทางเพศแต่อย่างใด แต่มีการถอดเสื้อผ้าและกอดหอม ก่อนที่สมรักษ์จะถามว่าอายุเท่าไร เมื่อเด็กสาวบอกว่า 17 ปี ก็ตกใจ จึงหยุดตรงนั้น ก่อนจะหันหลังนอนหลับไป แต่ไม่รู้ภาพหลุดออกมาได้อย่างไร
ตอนแรกเห็นทีรถทัวร์จะลงที่ “พ่อใหญ่บาส” แต่ก็ต้องเบรกกะทันหัน เมื่อทางร้านงัดกล้องวงจรปิดออกมา พบสาว 17 เป็นคนซ้อนรถไปกับพ่อใหญ่บาสซะเอง แถมเพื่อนยังออกมาแฉต่อว่า ชวนกลับแล้วแต่สาว 17 ยังยืนยันว่าจะไปกับพ่อใหญ่บาส
กระแสแยกออกเป็น 2 ฝั่ง บางคนก็เห็นใจ “พ่อใหญ่บาส” เด็กเข้าผับได้ใครจะคิดว่าอายุ 17 ก่อนการมี “เพศสัมพันธ์” ใครจะมีอารมณ์ขอดู “บัตรประชาชน” บ้างก็ว่า “เด็กมันยั่ว” อายุแค่นี้เข้าผับได้คงไม่ธรรมดา ขณะที่อีกฝั่ง ก็เชื่อว่า “สาว 17” คือเหยื่อ คือผู้ถูกกระทำ เพราะเด็กเข้าแจ้งความทันทีหลังจากเกิดเหตุ พร้อมส่งไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อน ระบุว่า “พ่อใหญ่บาสพาเค้ามาโรงแรม” และ “ฟ้าวมา (รีบมา) เค้าย่าน (เค้ากลัว)”
แต่ในทางข้อกฎหมายไม่ได้เห็นอกเห็นใจแต่อย่างใด หลังทำการสืบสวนสอบสวนและเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ ทาง สภ.เมืองขอนแก่น เผยผลในที่ประชุมได้พิจารณาดำเนินคดีสมรักษ์ ใน 4 ข้อหา ดังนี้
- ร่วมกันพรากผู้เยาว์เด็กอายุเกิด 15 ปี แต่ยังไม่ถึง 18 ปี
- ร่วมกันพาบุคคลอายุ 15 ปี แต่ยังไม่ถึง 18 ไปเพื่อการอนาจาร
- กระทำอนาจารเด็กอายุ 15 ปีโดยใช้กำลังประทุษร้าย
- พยายามข่มขืนผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย
นอกจากนี้ ตำรวจยังแจ้งข้อหาผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ซึ่งเป็นคนขี่รถพาสมรักษ์และเด็ก 17 เข้าโรงแรม โดยแจ้ง 2 ข้อหา คือ ร่วมกันพรากผู้เยาว์เด็กอายุเกิด 15 ปี แต่ยังไม่ถึง 18 ปี และร่วมกันพาบุคคลอายุ 15 ปี แต่ยังไม่ถึง 18 ไปเพื่อการอนาจาร
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เปิด 10 ประเด็นสุดร้อนแรง บนโลกโซเชียล ในรอบปี 2566
- มาแล้ว! ‘ฉายาตำรวจ’ ปี66 ‘ต่อ เฟรนลี่-โจ๊ก รอได้’
- แอนโทเนีย-อิงฟ้า-พีพี-เจฟ ครองที่สุดสายบันเทิงแห่งปี บน LINE TODAY POLL OF THE YEAR 2023
