Entertainment

หนิง ปณิตา พบจิตแพทย์ทั้งครอบครัว เผยยังอยู่บ้านเดียวกับ จิน โชคดีที่ลูกสาวเข้าใจ

หนิง ปณิตา พบจิตแพทย์ทั้งครอบครัว เผยยังอยู่บ้านเดียวกับ จิน ทุกวันนี้เอาลูกเป็นหลัก ยันยังไม่ได้รับการติดต่อคู่กรณี

เรียกได้ว่าทั้งสวยและสตรองสุด ๆ สำหรับ หนิง ปณิตา ที่แม้ว่าตอนนี้เผชิญมรสุมชีวิตคู่ครั้งใหญ่ แต่ก็เจ้าตัวยังคงมีกำลังใจดี เข้มแข็ง และมีเป้าหมายในการใช้ชีวิตอย่างชัดเจน โดยล่าสุด หนิง ได้อัปเดตความคืบหน้าหลังใช้สิทธิ์ความเป็นเมียหลวง ขึ้นศาลฟ้องสาวบุคคลที่ 3 และศาลได้นัดไกล่เกลี่ยไปเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ที่ผ่านมา แต่คู่กรณีกับเบี้ยวไม่ยอมมา

2 หนิง ปณิตา สัม 15 สค 3
หนิง ปณิตา

“ความคืบหน้าคือน่าจะยังเป็นวันเดิมอยู่นะคะ แต่ว่าโดยรายละเอียด ก็ยังไม่ได้ไปตามอะไรมากมาย ก็ยังไม่ได้มีการติดต่อกลับมาจากทางใด ๆ ทั้งสิ้นค่ะ ถามว่ามีเรื่องอะไรมากระทบจิตใจเพิ่มไหม (หัวเราะ) ก็นิดหน่อย แต่ไม่ได้เป็นจุดที่ เอามาทำให้รู้สึกว่ามันจะแย่ลง หนิงว่าพอเวลามันเดินผ่านไปข้างหน้า มันก็จะเดินไปข้างหน้าได้แบบที่ดีขึ้นทุกวัน โชคดีของหนิงคือหนิงมีณิริน เขาเป็นเด็กที่พยายามที่จะเข้าใจและปรับตัว แก้ไขและปรับปรุง แล้วก็ให้กำลังใจ พอวันนี้เราเอาลูกเราเป็นหลักใหญ่ที่สุด มันก็เป็นกำลังใจ ที่ทำให้เรามองข้ามเรื่องอื่นไป”

“ไม่ได้รับการติดต่ออะไรมา จากทางไหนทั้งสิ้นค่ะ (ยังก็เดินหน้าเหมือนเดิม?) สำหรับตัวหนิงเองก็ยังเป็นเหมือนเดิมค่ะ ยังทำทุกอย่างตามที่ตั้งใจเอาไว้เหมือนเดิมค่ะ

“จะบอกว่าไม่เหนื่อย ก็คงไม่ใช่ ก็รู้สึกเหนื่อย เซ็ง เบื่อ แต่ก็ไม่เอามาเก็บเป็นอารมณ์ค่ะ อย่างที่บอก เวลาเราเห็นรอยยิ้มของลูกเรา เราเห็นความพยายามเข้าใจ ความพยายามในหลาย ๆ เรื่องของลูกเรา ที่พยายามปรับตัวกับเรา มันทำให้ทุกเรื่องมันเป็นเรื่องเบาไปเลย แล้วมันก็ทำให้เรามีแรงฮึด มีพลังที่จะทำเรื่องดี ๆ ออกมาทำงาน มาเจอผู้คน ใช้ชีวิตให้มันเป็นปกติ มีรอยยิ้ม แล้วก็กลับมาทำงานหาเงิน”

“มันก็ไม่ง่ายสำหรับเด็กคนหนึ่ง หนิงก็ขอบคุณ ทะเลาะกันตลอดนะคะ แต่การทะเลาะกัน เหมือนเราเป็นเพื่อนกัน ณิรินเองในภาวะแบบนี้ เขาก็เป็นเด็กคนหนึ่ง ที่สอนให้เรารู้จักที่จะเรียนรู้ในหลาย ๆ เรื่อง เช่นเดียวกับการที่เขาเอง เขาก็ต้องเรียนรู้ในหลาย ๆ เรื่องที่มันเกิดขึ้น หนิงจะพูดกับน้องเสมอ เวลาเราเจอปัญหาหรืออุปสรรคอะไร ตั้งแต่เรายังอายุน้อย ๆ ถือว่าเป็นความโชคดีของเรานะ เพราะแต่ละปี ๆ เหมือนเราเรียนหนังสือ เราก็จะต้องเรียนสิ่งที่ยากขึ้นไป ถ้าเราผ่านมันไปได้ เดี๋ยวเราก็จะเจอเรื่องยากกว่านี้ แต่ถ้าเราผ่านมันไปไม่ได้ เรื่องของปีนี้ก็จะไปทบเรื่องของปีหน้า เรื่องของปีหน้าก็จะไปทบเรื่องของอีกปีหนึ่ง ก็พยายามอธิบายให้เขาฟัง คุยกับเขาเยอะ ๆ ก็เรียกว่าเบื้องบนเมตตา เพราะทุกวันนี้อย่างที่บอกแหละ เวลาไหว้พระไหว้เจ้า หนิงอธิษฐานอย่างเดียว ว่าขอให้ลูกหนิงมีความเข้าใจ แล้วก็เป็นเด็กดี เป็นคนดี หนิงขอแค่นี้”

2 หนิง ปณิตา สัม 15 สค 2
หนิง ปณิตา

“ทุกครั้งที่ต้องอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ให้ลูกฟัง ไม่ได้ยากแค่ครั้งแรก หนิงว่ายากทุก ๆ ครั้ง เพราะว่าในการอธิบายเรื่อง ๆ หนึ่งให้เด็กฟัง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่นะคะ มันอยู่ที่ว่าเราจะต้องประเมินให้ได้ ว่าตอนนี้การพูดของเรากับวัยของเด็กอะ มันควรจะพูดแค่ไหน สมมติเรื่องเรื่องเดียวกัน คุยกันตอนอายุ 8 ขวบ ก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง คุยตอนอายุ 10 ขวบก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง นี่ใกล้จะ 11 ขวบ เรื่องก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง มันจะยากตรงการประเมินในการใช้คำพูด แต่สิ่งที่ทำให้หนิงเรียนรู้ก็คือ ต้องไม่คาดหวังกับสิ่งที่เราพูดไป แล้วคิดว่าเขาจะเข้าใจ เพราะเราโตกว่า เราอยู่บนโลกใบนี้มา 40 กว่าปี เขาเพิ่งอยู่มา 11 ปี จะให้เขาเข้าใจทุกอย่าง แบบที่เราเข้าใจมันไม่ง่าย ดังนั้นเราเป็นแม่ เราต้องมีความอดทน ใจเย็น มันก็จะมีคำโบราณ ว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ ต้องพูดทุกเรื่องจนปากจะฉีกถึงรูหู มันเป็นคำที่อ๋อ มันเป็นแบบนี้นี่เอง จะทำให้เด็กคนหนึ่งเข้าใจ เราก็ต้องใจเย็นแล้วก็อธิบาย”

“ต้องใช้คำว่าเขาพยายามที่จะเข้าใจ แล้วก็เป็นอะไรที่ไม่ทำให้เราไม่สบายใจ สิ่งที่เขาทำให้เราอึ้ง และทำให้เราเย็นลงได้ในทุก ๆ เรื่อง คือเวลาที่เขารู้ว่าเราจะมีภาวะอะไรบางอย่าง ที่เรารู้สึกว่าเราเหนื่อยหรือเราท้อ เขาจะเดินเข้ามากอดแล้วก็มองหน้า บอกว่าแม่สู้ ๆ นะ หนูอยู่ตรงนี้ หนูส่งพลัง หนูกอด ๆ หนูเป็นกำลังใจให้แม่ ด้วยความสดใสของเขา เราก็จะน้ำตาไหลเลย แต่หนิงเป็นคนที่ไม่ค่อยอ่อนแอให้ลูกเห็นเลย แต่มันก็เป็นจุดที่ไม่ดีเหมือนกัน เพราะคุณหมอบอกว่า บางครั้งการเป็นแม่คน มันต้องมี 360 องศา ให้ลูกรู้ว่านี่ความแข็งแรง แต่เราก็สามารถอ่อนแอได้ เราก็จะต้องปรับตัวบางอย่าง อะไรที่เราไม่ไหวหรืออ่อนแอจริง ๆ เราก็ต้องให้เขาได้รู้ ว่าเราก็มีมุมนี้เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นเด็กก็จะมีแต่มุมที่สตรองอย่างเดียว ซึ่งจริง ๆ ชีวิตคนเรามันมีหลายมุม แล้วมันก็ไม่สามารถสตรองได้ตลอดเวลา”

“ยังไม่เคยถึงขั้นแบบน้ำตาไหลพราก แต่ระยะหลังนี้ มันก็จะมีแบบ พอเราสองคนมีการคุยกับคุณหมอด้วยกัน มันก็จะมีมุมที่เขาก็แสดงออกมาให้เราเห็น เราก็มีมุมที่บางทีเราไม่จำเป็นต้องเก็บเอาไว้ แต่ประเมินแล้วว่ามุมนี้ให้ลูกรับรู้ได้ ก็ให้ลูกเห็นในมุมของความอ่อนแอของเราบ้าง คือเราคุยกับจิตแพทย์ ทั้งตัวหนิงเอง ตัวน้อง แล้วก็คนในครอบครัวทั้งหมดค่ะ

“คือก่อนหน้านี้หนิงจะมีการไปคุยกับหมอเป็นระยะ ๆ ตั้งแต่น้องเกิดมา เพราะเราอยากที่จะเรียนรู้ที่จะเข้าใจเด็ก คำว่าช่องว่างระหว่างวัยเราไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้น แต่ว่าจริง ๆ มันเกิดขึ้นได้ เราอยากเข้าใจเด็ก ต้องพูดคำไหนให้เขาเข้าใจเรา แต่ช่วงหลัง ๆ มานี้ มันจะไม่ใช่แค่หนิงกับน้อง แต่ยังมีคุณอา คุณยาย แล้วคนที่อยู่รอบข้างหนิง ที่มีผลต่อความรู้สึกของณิริน เราก็จะไปกันหมด แล้วเราก็จะมีการบ้านมา ว่าต้องทำแบบนี้ ๆ ก็ช่วยกันค่ะ”

2 หนิง ปณิตา สัม 15 สค 1
หนิง ปณิตา

มันเป็นการฮีลกันทั้งหมด แล้วข้อดีคือระหว่างแม่กับหนิงเอง บางครั้งเขาก็ไม่เข้าใจเรา มันก็ส่งผลให้เรามีพฤติกรรมแบบนี้ออกมา เราก็เข้าใจแม่เรา เขาก็เข้าใจเรา เราก็เข้าใจลูก กลายเป็นเรื่องของทั้งครอบครัวค่ะ หนิงว่ามันเป็นเรื่องที่ดี เพราะสุดท้ายแล้วคำว่าครอบครัวสำคัญ สำหรับการเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่ง ที่จะทำให้เด็กคนหนึ่งเติบโตขึ้นไป ได้อย่างที่เขารู้สึกว่า เขายังมีอีกหลาย ๆ คนที่พร้อมจะโอบกอดเขา”

“คนที่จะประเมินเขาได้ดีที่สุด น่าจะเป็นหนิง หนิงว่าเขาดีขึ้นเรื่อย ๆ ในทุก ๆ วัน แล้วล่าสุดที่ไปเที่ยวด้วยกันกลับมา เขาก็จะมีเป้าของเขาแล้ว ว่าปีหน้าเขาจะตั้งใจทำอะไร เขาเริ่มกลับมาคุยถึงเป้าหมายชีวิตตัวเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาจะมีเป้าหมายในชีวิตของตัวเอง ตั้งแต่ประมาณอายุ 5-6 ขวบ เวลาเราคุยกับเขา เราก็จะถามว่าวันนี้หนูอยากทำอะไร ช่วงนี้หนูเป็นยังไง เขาจะมีเป้าของเขา แต่สิ่งนี้มันหายไปช่วงหนึ่ง เหมือนว่าเขาเอาใจไปคิดเรื่องอื่น ๆ แต่ตอนนี้เรื่องนี้มันเริ่มกลับมาแล้ว เราก็รู้สึกชื่นใจ เขาบอกว่าปีหน้าหนูจะตั้งใจเรียนให้ดีกว่านี้ จะฝึกเรื่องร้องเพลงให้ดีกว่านี้”

“การที่เขาเริ่มสนใจเรื่องอื่นมากกว่าเรื่องที่มีปัญหาอยู่ มันเริ่มกลับมาแล้ว เลยทำให้เรารู้สึกคุ้มค่ากับความที่เราทุ่มเท ปีนี้หนิงทำงานค่อนข้างน้อยมาก งานที่ไม่จำเป็นก็จะไม่รับ อย่างละครทุกคนก็รอว่าจะเปิดโผเรื่องอะไร ทั้งที่มันมีการวางไว้ตัวแล้ว แต่หนิงยังระงับการทำงานของหนิงอยู่ เพราะอย่างที่บอกว่านาทีนี้ หนิงต้องทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับลูกเป็นหลัก ก็ถือว่ามันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก ๆ”

“กับสามียังเจอกันอยู่ค่ะ ยังเจอกันอยู่เรื่อย ๆ และยังอยู่ในบ้านหลังเดียวกันค่ะ (พ่อกับลูกยังมีปฏิสัมพันธ์กันปกติ?) ใช่ค่ะ”

คลิปจาก NineEntertain Official

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo