กว่าจะมีวันนี้ ดาราสาวลูกหนึ่ง เล่าชีวิตในต่างแดน ประหยัดถึงขั้นกินน้ำก๊อก

โดย The Bangkok Insight Editorial Team 11 พฤษภาคม 2566

กว่าจะมีวันนี้ แอนนี่ บรู๊ค เล่าชีวิตในต่างแดน ประหยัดถึงขั้นกินน้ำก๊อก พร้อมเผยวิธีการเลี้ยงลูก ปลูกฝังให้รู้จักคุณค่าของเงิน

อีกหนึ่งดาราที่เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวสุดสตรอง สำหรับนักแสดง-นางแบบชื่อดัง แอนนี่ บรู๊ค คุณแม่ของ น้องฑีฆายุ ที่เผลอแป๊บเดียวลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก็เติบโตเป็นหนุ่มแล้ว แถมความหล่อเหลาก็ออร่าพุ่งมาแต่ไกลเลยทีเดียว แต่กว่าชีวิตจะดีขึ้นแบบทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

แอนนี่ บรู๊ค เล่าชีวิตในต่างแดน ประหยัดถึงขั้นกินน้ำก๊อก

ล่าสุด แอนนี่ ได้มาเปิดใจผ่านรายการ โต๊ะหนูแหม่ม กับพิธีกรตัวแม่ หนูแหม่ม สุริวิภา พร้อมเผยวิธีการเลี้ยงลูก ปลูกฝังให้รู้จักคุณค่าของเงิน รวมถึงประสบการณ์ชีวิตในต่างประเทศด้วย

เลี้ยงลูกยังไง ?
เขาเคยถามหนูว่า เราเกิดมาทำไม ช่วงประมาณ 10 ขวบ เราก็ตกใจเพราะมันเป็นคำถามที่เราเคยถามตัวเองเมื่อสมัยที่เราอายุประมาณนี้ เราก็ให้คำตอบว่าเราเกิดมาเพื่อที่จะหลุดพ้น คือการที่เราจะต้องสละให้ แล้วเราก็จะหลุดพ้น สมมติถ้าเราได้เป็นผู้ให้และได้เสมอบางส่วนของเรา อย่างเช่น เรามีเงินเท่านี้ เราเก็บไว้เรามีสิทธิ์เราใช้เต็มที่ซักประมาณ 8 ส่วน แบ่งสัก 2 ส่วนไปแบ่งปันให้กับคนอื่น

ตอนนี้พัฒนาการของเขาเป็นยังไง ?
ถ้าเป็นวัยเด็ก เราจะชอบเล่นบทบาทเป็นคุณแม่ ก็คือมีการสอนทุกสิ่งทุกอย่าง จับมือเขียนสอนว่าอันนี้ถูกต้อง อันนี้ไม่ถูกต้อง อันนี้ดี อันนี้ไม่ดี

แต่เมื่อลูกเข้าสู่วัยรุ่น เราเป็นแม่ไม่ได้ เราต้องเป็นเพื่อนให้กับเขา ซึ่งเรามองว่าไม่มีข้อดีที่เป็นเพื่อน ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าต้องตีซี้อยู่เสมอกัน ยังมีความเป็นแม่ที่ให้ความเป็นมิตรแบบลักษณะเพื่อน คือรับฟัง เพราะเมื่อก่อนเราจะเป็นคนเอาแต่พูดเป็นคนบงการ ซึ่งเราจะบงการเขาไม่ได้ตอนเป็นวัยรุ่น เพราะเขาจะเริ่มเป็นตัวของตัวเองมากยิ่งขึ้น เขาเริ่มเปิดใจเรื่องของเขามากยิ่งขึ้นด้วยการรับฟังเพื่อนมากกว่าเรา

ลูกชายคุยกับเราทุกเรื่องไหม?
เราต้องเริ่มตั้งแต่เขาเล็ก ๆ สร้างความเชื่อใจให้เขาก่อน สมมติว่าวันนี้เขาทำอะไรผิดมา อย่างเช่น เขาทำน้ำหกใส่โต๊ะ สิ่งแรกที่พ่อแม่ทุกคนจะต้องทำต้องด่าต้องวีนทันที แต่ยุคนี้ถ้าลูกทำแบบนั้นเราต้องนิ่งเงียบอย่าใช้เสียงสูง

เราต้องเสียสละขนาดไหน?
เราอย่าไปรอค่ะ รอไม่ได้ เพราะชีวิตของลูกเราไม่สามารถรอได้ อนาคตของเขาอยู่ในกำมือเรา หนูประหยัดถึงขนาดที่ว่าน้ำแพงมาก ขวดนึงมันไม่ใช่ 10 บาทของบ้านเรา น้ำที่ต่างประเทศขวดนึงประมาณ 50-60 บาทของบ้านเรา ซึ่งเราก็เอาน้ำก๊อกใส่กะละมังใหญ่ที่สะอาดและเอาไปตากแดด พอหนูไปทำงานกลับมาคิดว่าคอลลีนระเหยหมดแล้ว หนูก็เอาไปต้ม และรอให้มันเย็นเก็บใส่ขวดแช่เย็นโดยไม่ต้องซื้อน้ำ อยู่บ้านทุกวันนี้ก็ต้องประหยัดมาก ๆ เสื้อผ้าของตัวเองก็ไม่ได้ซื้อ

อย่างกับลูก เราต้องมีความอดทนและมีจิตวิทยาค่อนข้างเยอะ เราต้องเป็นทั้งแม่และเป็นทั้งเพื่อนให้กับเขา ถ้าเขามีปัญหาอะไรเราต้องสร้างความไว้วางใจให้กับเขา สิ่งที่เขาพูดแม้จะเป็นสิ่งที่ไม่ผิด เราต้องทำให้เขาเชื่อใจให้ได้ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรผิดมา สิ่งแรกที่เขาจะโดนไม่ใช่ไม้เรียว ไม่ใช่สายตาที่มองเขาด้วยการเข้าใจผิด เราต้องถามเขาว่าหนูจะแก้ปัญหานี้ยังไงดี เรามาช่วยกันไหม

สอนลูกให้ประหยัดอดออมยังไง?
เขารู้ว่าเราเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ เขาจะถามอยู่ตลอดว่าจะกลับบ้านมาเมื่อไหร่ เขาจะรู้ว่าเราไปทำงานหาเงินมาให้เขาเรียนหนังสือ ซึ่งเราเล่าให้เขาฟังทุกเรื่อง น้อยครั้งที่จะซื้อของให้ลูก เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับเขา

แต่วันนึงเขาต้องขายเกมส์เพราะว่าเขารู้สึกว่ามันไม่มีความสุข เราก็ถามเขาว่าทำไมถึงไม่มีความสุข เขาบอกว่าเล่นแล้วมันก็จบ มันไม่สามารถไปในต่อได้เลย ผมอยากเรียนคอร์สกับอาจารย์ที่ต่างประเทศ ซึ่งเขานำเงินส่วนที่ขายเกมส์ได้ไปแบ่งจ่ายในการเรียนของเขา แล้วก็มีพี่ ๆ ที่เข้ามาสนับสนุนคอยช่วย

ภูมิใจกับเขาเรื่องอะไรบ้าง?
เขาเป็นคนที่มีความคิด เราคิดว่าคำพูดหลายคำไม่คิดว่าจะออกมาจากปากเขา เรารู้สึกว่ามันชื่นใจจังเลย รู้สึกว่าเรามาถูกทางในการที่เราเลี้ยงเขาแบบนี้ อย่างคำพูดที่เขาบอกว่า “โชคดีที่เกิดมาเป็นลูกเรา” เรารู้สึกภูมิใจมาก ไม่คิดว่าเราจะมีวันนี้ได้