ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการชำระค่าภาคหลวงและรายได้อื่น ๆ จากการผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วม ให้รัฐบาลไทย-มาเลเซีย สนับสนุนงานวิจัยด้านพลังงาน
นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (7 พฤษภาคม 2567) มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการชำระค่าภาคหลวงและรายได้อื่น ๆ จากการผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วมให้แก่รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งมาเลเซีย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงพลังงาน (พน.) เสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
สำหรับร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าว เป็นการแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงว่าด้วยการชำระค่าภาคหลวงและรายได้อื่น ๆ จากการผลิตปิโตรเลียม ในพื้นที่พัฒนาร่วมให้แก่รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งมาเลเซีย พ.ศ. 2547
ทั้งนี้ เพื่อขยายขอบเขตวัตถุประสงค์ในการสนับสนุนโครงการวิจัย และการใช้ประโยชน์จากกองทุนเงินบำรุงการวิจัยให้กว้างขึ้น ซึ่งจะสามารถสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ได้มากขึ้น ได้แก่
1. การสนับสนุนโครงการวิจัยใด ๆ สำหรับการสำรวจหรือการแสวงประโยชน์จากปิโตรเลียมหรือทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่พัฒนาร่วม โดยให้ครอบคลุมหัวข้อการวิจัยที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนา ได้แก่ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) โดยเฉพาะการดักจับและการจัดเก็บคาร์บอน (CCS) และการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการจัดเก็บคาร์บอน (CCUS)
2. การบริหารและการประเมินผลโครงการวิจัย ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายในการประชุมและการเดินทางของคณะอนุกรรมการพิจารณาการใช้เงินบำรุงการวิจัยกองทุนเพื่อสนับสนุนการวิจัยและผู้ประเมินทางเทคนิค และค่าดำเนินการเพื่อคัดเลือกโครงการวิจัย และบริหารจัดการเพื่อเริ่มโครงการ ตลอดจนการติดตามและประเมินผลโครงการวิจัยซึ่งต้องไม่เกิน 5% ของต้นทุนโครงการแต่ละโครงการ
3. ค่าใช้จ่ายสำหรับที่ปรึกษาคนไทยและมาเลเซีย ในโครงการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการวิจัยในประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย สำหรับการสำรวจหรือแสวงหาประโยชน์จากปิโตรเลียมหรือทรัพยากรธรรมชาติสำหรับพื้นที่พัฒนาร่วมฯ รวมทั้งเปลี่ยนแปลงชื่อผู้มีอำนาจในการเสนอโครงการวิจัยของประเทศมาเลเซีย
การดำเนินงานดังกล่าว จะเป็นการเปิดโอกาสให้มีผู้สนใจ หรือนักวิจัยโดยเฉพาะคนไทยและมาเลเซีย ได้ยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับการสำรวจหรือแสวงประโยชน์จากปิโตรเลียมหรือทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เป็นประโยชน์สำหรับพื้นที่พัฒนาร่วมฯ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาขีดความสามารถในการวิจัยสำหรับประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย
ขณะที่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา มีข้อสังเกตว่า กระทรวงพลังงานมีแผนให้ร่างกฎกระทรวงฉบับนี้มีผลใช้บังคับในวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 พร้อมกันทั้งสองประเทศ แต่ในชั้นการตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงปรากฏข้อเท็จจริงว่า ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะสามารถดำเนินการเพื่อให้กฎกระทรวงมีผลบังคับใช้ภายในวันดังกล่าวได้
ดังนั้น จึงเห็นควรให้ร่างกฎกระทรวงฉบับนี้มีผลบังคับใช้เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามหลักปกติที่กำหนดไว้ในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย พ.ศ. 2533 และในทางปฏิบัติหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถประสานงานเพื่อดำเนินการให้กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับในวันเดียวกันได้ต่อไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘รมว.พลังงาน’ เอาจริง! เร่งออกกฎหมายคุมราคาน้ำมัน ป้องกันขึ้น-ลงตามใจ
- ‘กรมเชื้อเพลิงฯ-กระทรวงพลังงาน’ ลงนาม PSC แปลงปิโตรเลียมอ่าวไทย สร้างความมั่นคงระยะยาว
- ‘กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ’ โร่แจงประมูล ‘บงกช-เอราวัณ’
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg