“หมอธีระวัฒน์” เผยมหันตภัยร้ายของเครื่องดื่ม น้ำอัดลม น้ำหวาน น้ำตาล บ่อเกิดโรคอ้วน นำมาซึ่งโรคร้ายแรงอีกเพียบ เช็คเลย
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha เรื่อง มหันตภัยร้ายของเครื่องดื่ม น้ำอัดลมหวานน้ำตาล โดยระบุว่า
ณ นาทีนี้ เป็นที่พิสูจน์แล้วว่า ตัวการใหญ่สำคัญ ที่เป็นปัญหาระดับโลกขณะนี้คือ น้ำอัดลม เครื่องดื่มมีน้ำตาล ทำให้เกิดโรคอ้วน
การที่น้ำตาลหวานอยู่ในรูปของเหลวเป็นน้ำ ทำให้ไม่สามารถกระตุ้นศูนย์ในสมองที่ ไฮโปธาลามัส (hypothalamus)ได้มากพอเพื่อให้สนองความอิ่ม จะได้หยุดกิน
น้ำอัดลม น้ำหวาน อาหารแป้ง ฟาสต์ฟูด ทำให้น้ำตาลทะลักพรวดเข้าเลือดในทันทีทันใด ก่อให้เกิดการหลั่งทะลักของฮอร์โมนอินซูลิน เพื่อให้ระดับน้ำตาลคงที่ จนเกิดการดื้ออินซูลิน และอ้วนมากขึ้นเรื่อย ๆ
คนอ้วน ยังมีสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบมากในเลือด ทำให้เส้นเลือดหัวใจ สมองตีบเร็วกว่าอายุ แถมส่วนมากยังไปชอบอาหารไขมัน ซึ่งเมื่อรวมกับหวาน จะทำให้กลไกกำจัดสารพิษอัลไซเมอร์ในสมองบกพร่องเกิดมีการสะสมพิษ (unbound amyloid หรือ oligomer) มากขึ้น
แม้ว่าระดับอินซูลินจะสูงในเลือด แต่ในสมองกลับลดลง ซึ่งอินซูลินมีความสำคัญอย่างยิ่งในการคงสภาพการทำงานของสมอง คนอ้วนจะมีสมองหดฝ่อมากและเร็วกว่าคนไม่อ้วน
คำแนะนำสำหรับคนไทย ควรกินน้ำตาลไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา เครื่องดื่มหวาน ๆ หรือ น้ำอัดลม 1 แก้วนั้นอาจจะสูงถึง 12 ช้อนชาต่อแก้ว
ตามธรรมชาติรสหวาน หรือ น้ำตาลเป็นส่วนประกอบในวัตถุดิบในอาหารอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นผักผลไม้ ธัญพืชและถั่วต่างๆหรือแม้แต่นมนั้นมักจะมีน้ำตาลเป็นองค์ประกอบอยู่แล้ว ดังนั้น เราจึงไม่ควรเติมน้ำตาลเพิ่มเติมลงไปในอาหาร
ไม่กินน้ำตาลแล้วกินน้ำผึ้งแทนดีไหม น้ำผึ้งมีคุณสมบัติคล้ายน้ำเชื่อมแต่มีข้อดีกว่าตรงที่มีสารอาหารอื่น ๆ เป็นองค์ประกอบด้วย คือ มีโปรตีนปริมาณเล็กน้อย มีวิตามินและแร่ธาตุเป็นองค์ประกอบด้วย แต่องค์ประกอบหลัก (ประมาณ 80%) ของน้ำผึ้งก็คือ น้ำตาล นั่นเอง
ดังนั้นในแง่ของพลังงานที่ได้รับ หรือ ความอ้วนที่จะเกิดขึ้นนั้น ไม่แตกต่างกันระหว่างน้ำผึ้งกับน้ำเชื่อมทั่ว ๆ ไป
รสของน้ำผึ้งจะมีความหวานมากกว่าน้ำตาลทั่วไป เนื่องจากมีน้ำตาลฟรุคโตสเป็นองค์ประกอบอยู่ค่อนข้างมาก ฟรุคโตสหวานกว่าน้ำตาลกลูโคสประมาณ 1.3 เท่า
ดังนั้นถ้าอยากใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาลต้องลดการปริมาณเติมลง เพราะมันหวานกว่าน้ำตาลทั่วไป
น้ำตาลฟรุตโตสเป็นน้ำตาลที่มีอยู่ในธรรมชาติ พบได้มากในผลไม้ทั่วไป ฟรุคโตสอาจอยู่ในรูปน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว หรืออาจอยู่คู่กับน้ำตาลกลูโคสในรูปน้ำตาลทราย
หลังจากทานฟรุคโตส โดยเฉพาะที่ได้จากการสกัด ระดับน้ำตาลในเลือด จะไม่ขึ้นสูงมาก เนื่องจากมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ และสามารถเข้าเซลล์ได้ โดยไม่ต้องอาศัยอินสุลินฟัง
ดูเหมือนจะดีและเหมาะที่จะใช้ในผู้ป่วยเบาหวาน แต่แท้จริงแล้วน้ำตาลฟรุคโตสมีกลไกการเผาผลาญที่แตกต่างจากน้ำตาลกลูโคส ตรงที่มันสามารถเผาผลาญได้เฉพาะที่ตับและกระตุ้นการสร้างไขมันทั้งที่ตับและในเส้นเลือดของเรา
ส่งผลให้ผู้ที่บริโภคน้ำตาลฟรุคโตสมากเกินไปจะมีระดับไขมันไม่ดีชนิดไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงและยังมีไขมันเกาะตับเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้การกินฟรุคโตส จะทำให้เรารู้สึกไม่อิ่ม เนื่องจากมันไม่กระตุ้นให้เกิดการหลั่งอินสุลิน และไม่ทำให้ฮอร์โมนที่ทำให้เรารู้สึกอิ่มมีระดับสูงขึ้น
สอดคล้องกับการศึกษาล่าสุดเมื่อต้นปี 2556 ซึ่งพบว่าฟรุคโตสมีกลไกออกฤทธิ์ที่สมองต่างจากกลูโคส ทั้งในแง่การกระตุ้นให้อิ่มหรือหยุดกินเสียที จะน้อยกว่ากลูโคสด้วยซ้ำ
แถมหวานกว่าติดใจรสชาติ และออกฤทธิ์ต่อสมองส่วนความสุขทำให้อยากกินอีก เหมือนได้รางวัล มีแนวโน้มเป็นโรคอ้วนชัดเจนและมีภาวะดื้ออินสุลินเพิ่มขึ้น
นอกจากนั้น การรับประทานน้ำตาลฟรุคโตสมาก เกินไปอาจทำให้เรามีระดับกรดยูริกและความดันโลหิตที่สูงเพิ่มขึ้นได้
เป็นคำตอบว่าทำไมกินน้ำหวานรวมทั้งเครื่องดื่มหวาน ชาเขียว ชาขาวที่โฆษณาว่าไขมัน 0% และไม่มีคอเลสตอรอล แถมยังเลี่ยงว่าไม่มีน้ำตาล ซี่งจริง ๆ คือไม่มีกลูโคส แต่กลับมีฟรุตโตสแทนยั งกลับอ้วน
ผลเสียที่เกิดขึ้นจากที่กล่าวมานั้น จะไม่เกิดขึ้นหากเราทานผลไม้สด ผลไม้ประมาณ 1 ส่วน หรือ ประมาณ 6-8 ชิ้นคำจะมีน้ำตาลฟรุคโตสเป็นองค์ประกอบประมาณ 2 ช้อนชา
ผลไม้สดมีใยอาหารที่ช่วยชะลอการดูด ซึมน้ำตาล และช่วยชะลอการเกิดภาวะดื้ออินสุลินได้อีกด้วย และกากใยเป็นตัวป้องกันการสกัดสารพิษจากอาหาร เช่น จากไข่แดง เนื้อแดง ที่ทำให้เกิดโรคหัวใจ อัมพฤกษ์และสมองเสื่อม
การที่เราจะรักษาชีวิต ง่ายที่สุด เลิกน้ำอัดลม น้ำหวาน น้ำผลไม้คั้นแยกกาก ชาเขียว ขาว นมรสหวาน
ทานอาหารเพื่อสุขภาพก็คงต้องทานอาหารที่มาจากธรรมชาติจริงๆ ลดการปรุงแต่ง และเติมสารสกัดให้ความหวานให้น้อยที่สุด เท่าที่เราจะปรับสมดุลให้มีความสุขทั้งการได้ทานอาหารที่อร่อยและมีสุขภาพดีไปพร้อม ๆ กัน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอธีระวัฒน์’ บอกวิธี ป้องกัน-รักษา ‘ลองโควิด’ ทำตามนี้ รับรองเอาอยู่
- ‘IF’ ช่วยได้ ‘หมอธีระวัฒน์’ แนะการงดอาหารเป็นระยะ ลดความรุนแรงเมื่อติดโควิด
- พ่อแม่ต้องอ่าน!! ‘เด็กอ้วน’ เสี่ยงเป็น ‘โรคไขมันพอกตับ’ สูงถึง 44%