Lifestyle

‘หมอสันต์’ เตือนแพทย์ไทยระวังตกข่าว เปลี่ยนมาตรฐาน ‘โรคความดันเลือดสูง’

“โรคความดันเลือดสูง” นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ เผย วงการแพทย์เปลี่ยนมาตรฐาน ครั้งใหญ่อีกรอบ ชี้ดีกว่ามาตรฐานเดิม เพราะระบุชัดเจนในรายละเอียด 

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ เขียนบทความลง บล็อก “DrSant บทความสุขภาพ นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์DrSant” ถึง การเปลี่ยนมาตรฐานใหม่ โรคความดันเลือดสูง โดยระบุว่า

โรคความดันเลือดสูง

วงการแพทย์เปลี่ยนมาตรฐานโรคความดันเลือดสูงครั้งใหญ่อีกแล้ว

เพิ่งหมาดๆไปสองสามปีมานี้เอง ที่ผมเคยเขียนในบล็อกนี้ว่า วงการแพทย์เปลี่ยนนิยามโรคความดันเลือดสูงครั้งใหญ่ (http://visitdrsant.blogspot.com/2017/11/blog-post_94.html) ซึ่งนั่นคือ คำแนะนำการรักษาโรคความดันเลือดสูง ซึ่งสมาคมหัวใจอเมริกัน และวิทยาลัยแพทย์โรคหัวใจอเมริกัน (AHA/ACC 2017) ออกมาแทนมาตรฐานเดิม (JNC7)

ตอนนั้นผมบ่นไว้ในบล็อกนี้ด้วยว่า การเปลี่ยนสเป็คครั้งนั้น จะทำให้คนจำนวนมากที่ความดันอยู่ระหว่าง 130/80 ถึง 139/89 ซึ่งแต่ก่อนถือว่าเป็นคนปกติ ถูกวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคความดันเลือดสูง และกลายมาเป็นลูกค้าของวงการแพทย์ทันที ผลเสียก็คือ จะนำไปสู่การใช้ยาเพิ่มขึ้น

และผมยังติงไว้ว่า หลักฐานใหม่ ๆ บางชิ้นมีความสำคัญมาก ในแง่ที่จะช่วยลดความดันเลือดลงโดยไม่ต้องใช้ยา แต่คำแนะนำนี้กลับไม่ได้พูดถึงเลย เช่น

1. งานวิจัยความเสี่ยงโรคหัวใจคนหนุ่มสาว (CARDIA) ซึ่งตามดูคนหนุ่มสาว 5,115 คน นาน 15 ปี พบว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างการกินพืช (ธัญพืชไม่ขัดสี ผัก ผลไม้ ถั่ว นัท) กับการลดความดันเลือด เป็นความสัมพันธ์แบบยิ่งกินมากยิ่งลดมาก (dose dependent) ขณะเดียวกันก็พบความสัมพันธ์ในทางตรงข้ามกันกับการบริโภคเนื้อสัตว์ คือยิ่งกินเนื้อสัตว์มาก ยิ่งมีความดันเลือดสูงขึ้นมาก

2. งานวิจัยในยุโรป (EPIC trial) ซึ่งวิเคราะห์คนอังกฤษ 11,004 คนพบว่าในบรรดาคนสี่กลุ่ม คือกลุ่มกินเนื้อสัตว์ กลุ่มกินปลา กลุ่มกินมังสวิรัติ กลุ่มกินเจ (vegan) พบว่ากลุ่มกินเนื้อสัตว์มีความดันสูงสุด กลุ่มกินเจหรือ vegan มีความดันต่ำสุด

3. งานวิจัยเมตาอานาไลซีส รวมข้อมูลติดตามสุขภาพพยาบาล (NHS) และบุคลากรแพทย์ (HPFS) ของฮาร์วาร์ด ซึ่งมีคนถูกติดตาม 188,518 คน (2,936,359 คนปี) พบว่า การกินเนื้อสัตว์ทุกชนิดรวมทั้ง ปู ปลา กุ้ง หอย เป็ด ไก่ ไข่นม ล้วนสัมพันธ์กับการเป็นความดันเลือดสูง

4. มีหลักฐานว่า ความพยายามจะลดความดันเลือด ในผู้สูงอายุ ลงมากเกินไป มีผลเสียมากกว่าผลดี จน JNC8 นำมาออกเป็นคำแนะนำก่อนหน้านั้นว่า ไม่ควรใช้ยา หากความดันเลือดตัวบนในผู้สูงอายุ (เกิน 60 ปี) ไม่สูงเกิน 150 มม. แต่ในคำแนะนำใหม่นั้น กลับไม่พูดถึงประเด็นผู้สูงอายุเลย แค่พูดว่าหากอายุเกิน 65 ปีขึ้นไปให้แพทย์ใช้ดุลพินิจเป็นรายคน

อย่างไรก็ตาม ขณะที่แพทย์จำนวนมากยังไม่ทันรู้ด้วยซ้ำไป ว่าคำนิยามโรคนี้เปลี่ยนไปแล้วเมื่อสามปีก่อน (2017) แต่มาถึงวันนี้ แพทย์เหล่านั้น กลายเป็นไม่ตกข่าวแล้วแหละ เพราะมาปีนี้เปลี่ยนอีกละ

คราวนี้ ออกมาในนามของ สมาคมโรคความดันเลือดสูงนานาชาติ (ISH 2020) โดยที่หัวเรี่ยวหัวแรงตัวจริงเสียงจริง ก็ยังเป็นสมาคมหัวใจอเมริกัน (AHA) เจ้าเก่านั่นเอง เพื่อให้ท่านผู้อ่านตามความผลุบ ๆ โผล่ ๆ ของวงการแพทย์ในระดับโลกได้ทัน ผมขอสรุปมาตรฐานใหม่เฉพาะในส่วนที่ท่านผู้อ่านจะเอาไปใช้ประโยชน์ได้ ดังนี้

นิยามโรคความดันเลือดสูง ตามคำแนะนำใหม่ 2020

ความดันเลือดปกติ (Normal BP) = ไม่เกิน 130/85 มม.

ความดันเลือดปกติค่อนไปทางสูง (High-normal BP) = 130–139 / 85–89 มม.

โรคความดันเลือดสูงเกรด1 = 140–159/90–99 มม. (มาตรฐานเดิมก่อนหน้านี้คือ 130-139/80-89)

โรคความดันเลือดสูงเกรด2 = 160 /100 มม.ขึ้นไป (มาตรฐานเดิมก่อนหน้านี้คือ 140/90 ขึ้นไป)

การรักษาความดันเลือดสูง โดยไม่ใช้ยาตามคำแนะนำใหม่ 2020

1. ลดเกลือ (โซเดียม) ลง โดย

1.1 เลิกเติมเครื่องปรุงที่มีเกลือ (เช่นน้ำปลาพริก) ลงในอาหารที่นำมาเสริฟ

1.2 ลดการกินอาหารฟาสต์ฟูhด และอาหารบรรจุเสร็จ ซึ่งใช้เกลือเป็นปริมาณมาก

1.3 ลดขนมปังและซีเรียลที่ปรุงโดยมีส่วนของเกลือมาก

2. เปลี่ยนอาหาร

2.1 กินอาหารพืชเป็นหลักที่อุดมด้วยธัญพืชไม่ขัดสี ผลไม้ ผักต่างๆที่มีไนเตรทมาก (เช่นบีทรูทและผักใบเขียว) และมีแมกนีเซียม โปตัสเซียม แคลเซียม มาก (เช่นอะโวกาโด นัท เมล็ดพืช ถั่วต่างๆ และเต้าหู้) หรือกินตามสูตรอาหารเพื่อการลดความดัน (DASH diet)

2.2 ลดน้ำตาล

2.3 ลดไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์

3. เลือกดื่มเครื่องดื่มอย่างฉลาด

3.1 ดื่มกาแฟ ชาเขียว ชาดำ ชาขาว (ไม่ใส่ครีมไม่ใส่น้ำตาล) ในปริมาณพอควร เพราะคนดื่มชากาแฟเป็นความดันสูงน้อยกว่าคนไม่ดื่มเลย

3.2 ดื่มน้ำพืชสมุนไพรที่ลดความดันได้ เช่น น้ำทับทิม น้ำบีทรูท โกโก้ ชาฮิบิสคัส เป็นต้น

3.3 ลดการดื่มแอลกอฮอล์ลงเหลือระดับพอดี (ไม่เกิน 2 ดริ๊งค์ในผู้ชาย ไม่เกิน 1.5 ดริ๊งค์ในผู้หญิง) เพราะหลักฐานมีอยู่ว่าหากคนเป็นความดันสูงที่ดื่มมากลดการดื่มลงได้ ความดันก็จะลดลง

4. ควบคุมน้ำหนักไม่ให้อ้วน ให้ดัชนีมวลกายปกติ หรือให้เส้นรอบพุงไม่เกิน 50% ของส่วนสูง

5. เลิกบุหรี่

6. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยควบรวมการออกกำลังกายหลายแบบ

6.1 ออกกำลังกายแบบฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (เล่นกล้าม) สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

6.2 ออกกำลังกายแบบแอโรบิกให้ถึงระดับหนักพอควร (เช่น เดินเร็ว จ๊อกกิ้ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ) ครั้งละอย่างน้อย 30 นาที สัปดาห์ละอย่างน้อย 5 ครั้ง หรือ

6.3 ออกกำลังกายแบบเร่งให้หนักสลับเบาเป็นช่วงๆ (HIIT – high intensity interval training)

7. ลดความเครียด เพราะความเครียดทำให้ความดันสูง

8. ฝึกสติสมาธิ (meditation/mindfulness) ให้เป็นกิจวัตรประจำวัน เพราะหลักฐานวิจัยบ่งชี้ว่าลดความดันได้

9. หลีกเลี่ยงภาวะสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ เพราะหลักฐานวิจัยบ่งชี้ว่าทำให้เกิดความดันเลือดสูงได้

โปรดสังเกตว่า การรักษาความดันเลือดสูงโดยไม่ใช้ยาตามคำแนะนำใหม่ 2020 นี้เข้าท่ากว่าคำแนะนำเก่าตั้งแยะ เพราะมีการนำหลักฐานมาออกให้คำแนะนำอย่างครอบคลุมกว่า รวมทั้งหลักฐานเรื่องมลภาวะในสิ่งแวดล้อม เรื่องความเครียดและการฝึกสติสมาธิ โดยออกคำแนะชัด ๆ โต้ง ๆ เลยว่า ให้ฝึกสติสมาธิทุกวัน

ในแง่ของการออกกำลังกาย ก็เจาะลึกลงไปว่า ทั้งการออกกำลังกายแบบแอโรบิก และเล่นกล้าม ต่างก็ลดความดันได้ทั้งคู่ ดังนั้น แฟนบล็อกหมอสันต์อ่านแล้วอย่าอ่านเลยนะครับ เชื่อไม่เชื่อก็กรุณาทดลองลงมือทำดูก่อน เพราะตัวหมอสันต์สนับสนุนคำแนะใหม่นี้สุดลิ่ม

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo