รู้จัก “ภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน” ภัยเงียบ ไร้สัญญาณเตือน อันตรายถึงชีวิต ถ้ามี 4 อาการเหล่านี้ ต้องรีบพบแพทย์ด่วน!
จากกรณีนักร้องลูกทุ่งต่างชาติหัวใจไทย โจนัส แอนเดอร์สัน เจ้าของเพลงฮิตอย่าง กวางขาวอยู่กลาง ที่มียอดคนฟังกว่า 30 ล้านวิวบนแอปพลิเคชั่น TikTok โดยรายการระบุว่า โจนัส เกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลันขณะวิ่งออกกำลังกายในหมู่บ้าน
จากคำให้สัมภาษณ์ของ โจนัส ที่เจ้าตัวบอกว่ามีอาการคล้ายคนจะเป็นลม แต่อาการไม่ดีขึ้นจึงเดินทางไปโรงพยาบาล ซึ่งหลังจากทีมแพทย์ได้ทำการตรวจแล้วพบว่า โจนัส มีภาวะเส้นเลือดอุดตัน ต้องทำการผ่าตัดบอลลูนเป็นการด่วน เพราะหากปล่อยไว้นานกว่านี้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้
thebangkokinsight จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ ภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นกับตัวเอง มีอาการไหนบ้างที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที
ภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน หรือหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน (Acute heart failure) คือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดที่มีออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายได้ตามความต้องการของร่างกาย ทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้ไม่พอเพียง และเลือดที่ไม่สามารถสูบฉีดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้ มีการคั่งกลับไปที่ปอด ก่อให้เกิดอาการต่าง ๆ ที่เป็นอันตรายและอาจมีความรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต ภาวะหัวใจวายเฉียบพลันอาจเกิดในผู้ที่มีความผิดปกติของหัวใจอยู่เดิม เช่น โรคหัวใจขาดเลือด หรือเกิดในผู้ที่ไม่เคยมีโรคหัวใจแต่มีโรคประจำตัวเรื้อรังที่ส่งผลต่อหัวใจ เช่น เบาหวาน ไทรอยด์เป็นพิษ เป็นต้น
อาการของภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน
ผู้ที่มีภาวะหัวใจวายเฉียบพลันจะมีอาการเหนื่อยหอบ หายใจลำบาก โดยเฉพาะเมื่อออกแรงหรือเวลานอนราบ แน่นหน้าอก ไอ อาจมีอาการไอปนฟองสีขาวหรือชมพู ตัวบวม ขาและข้อเท้าบวม น้ำหนักตัวเพิ่มอย่างรวดเร็ว เหนื่อยเพลีย อ่อนแรง ออกแรงได้น้อยลง บางรายอาจมีหัวใจเต้นผิดจังหวะ ใจสั่น หายใจมีเสียงวี๊ด หรือหมดสติ
อาการของภาวะหัวใจวายเฉียบพลันที่ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาล
เป็นอาการที่แสดงออกถึงภาวะหัวใจวายเฉียบพลันที่มีความรุนแรง หรืออาจเป็นอาการแสดงของโรคอื่น ๆ ที่มีความรุนแรงถึงชีวิตได้เช่นเดียวกัน อาการดังกล่าว เช่น
- เจ็บหน้าอก
- เป็นลม หมดสติ หรือมีอาการเหนื่อยเพลียมาก
- หัวใจเต้นเร็วหรือเต้นผิดจังหวะ ร่วมกับมีอาการหายใจหอบ เจ็บหน้าอก หรือหมดสติ
- มีอาการหายใจไม่อิ่มที่เป็นขึ้นมาทันที หรือเป็นอย่างรุนแรง มีอาการไอมีเสมหะปนฟองสีชมพู
หากมีอาการต่าง ๆ ดังกล่าว ควรนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว เพื่อรับการตรวจและรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
โรคและยาที่อาจก่อให้เกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน
มีโรคทางกายหลายโรคที่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลันได้ เช่น โรคไตเสื่อมหรือไตวายเรื้อรัง ลิ่มเลือดอุดตันในปอด เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไทรอยด์เป็นพิษ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หลอดเลือดสมอง การติดเชื้อไวรัสที่มีผลต่อหัวใจ หรือความผิดปกติเกี่ยวกับหัวใจเดิม เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ความผิดปกติของลิ้นหัวใจ เป็นต้น โดยก่อนจะมีอาการของภาวะหัวใจวายเฉียบพลันอาจมีอาการนำของโรคที่เป็นสาเหตุมาก่อนได้
ยาหรือสารที่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน เช่น ยาและสารเสพติดต่างๆ โดยเฉพาะโคเคน ยาบ้า ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ยารักษาเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ยาฆ่าเชื้อ ยาเคมีบำบัด ยารักษาโรคซึมเศร้าบางชนิด
ใครที่เสี่ยงต่อภาวะหัวใจวาย
- ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีประวัติภาวะหัวใจวายในครอบครัว
- ผู้ที่มีประวัติรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น อาหารที่ไขมันสูง สูบบุหรี่ ใช้ยาหรือสารเสพติด ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกาย
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวด้านหัวใจและหลอดเลือด โรคปอดชนิดรุนแรง การติดเชื้อ เช่น เชื้อเอชไอวีหรือโควิด-19 หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน
วิธีการรักษาภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน
- การรักษาทางการแพทย์ เช่น การให้ยาเพื่อขับน้ำและโซเดียมออกจากร่างกาย การให้ยาเพื่อทำให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้น การให้ยาเพื่อลดอัตราการเต้นของหัวใจและเพิ่มการบีบตัวของหัวใจ การใส่เครื่องมือพิเศษ เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ หรือเครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจ โดยขึ้นกับสาเหตุและอาการของผู้ป่วยแต่ละราย
- การรักษาโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ดังต่อไปนี้
- ลดการรับประทานอาหารเค็ม อาหารที่มีไขมันสูง
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- เลิกสูบบุหรี่
- เลิกหรือลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ควบคุมสาเหตุอื่น ๆ ที่เป็นความเสี่ยง เช่น ความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ หรือค่าความเข้มข้นของเลือดในผู้ที่มีโรคประจำตัว
- การลดความเครียด
- การส่งเสริมการนอนที่มีคุณภาพ
ผลการรักษาและการพยากรณ์โรค
- สาเหตุและความรุนแรงของภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน
- ระยะเวลาตั้งแต่มีอาการจนกระทั่งไปพบแพทย์
- สภาวะสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วยและการตอบสนองต่อการรักษา
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลังการรักษา
โดยทั่วไปหากผู้ป่วยไปพบแพทย์ตั้งแต่ระยะแรกของการมีอาการ และสามารถปฏิบัติตัว ปรับพฤติกรรมตามคำแนะนำของแพทย์ มักทำให้มีผลการรักษาที่ดีกว่า ผู้ป่วยที่พบแพทย์เมื่อมีอาการมากแล้ว อาจมีความเสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิตได้
วิธีการป้องกันภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน
- ปรับปรุงพฤติกรรมเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงดังที่กล่าวมาแล้ว
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และตรวจติดตามอย่างสม่ำเสมอ
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำ
- ผู้ที่มีประวัติในครอบครัวเป็นโรคหัวใจหรือมีความเสี่ยงอื่น ๆ อาจพิจารณาตรวจยีนโรคหัวใจเพื่อประเมินความเสี่ยงของโรคหัวใจเพื่อป้องกันภาวะหัวใจวายเฉียบพลันได้
ภาวะหัวใจวายเฉียบพลันเป็นภาวะที่อันตราย การป้องกัน สังเกตตนเอง และพบแพทย์เมื่อมีอาการจะช่วยลดความรุนแรงของโรคได้
ขอบคุณข้อมูล : พญ.กานต์ชนา อัศวธิตานนท์ อนุสาขาอายุรศาสตร์โรคหัวใจ โรงพยาบาลสมิติเวช
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- 5 โรคยอดฮิตของคนอ้วน น้ำหนักตัวเกินกว่ามาตรฐาน ภัยร้ายที่ต้องระวัง!
- ภัยเงียบ!! โรคต้อหิน วัย 50 อัพ พึงระวัง พบมากถึง 5% แนะตรวจตาสม่ำเสมอ
- ผู้ป่วยไข้เลือดออกพุ่งกว่า 2 เท่า คณะกรรมการโรคติดต่อฯ เร่งป้องกันควบคุม
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- Twitter: https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg