Environmental Sustainability

อย่าลืมเสาร์นี้ กทม. ชวนปิดไฟ 1 ชั่วโมง ลดโลกร้อนร่วมกับ 7,000 เมือง 190 ประเทศทั่วโลก

กทม. ชวนทุกคนลดโลกร้อน ปิดไฟ 1 ชั่วโมง ร่วมกับ 7,000 เมือง 190 ประเทศทั่วโลก ตั้งแต่ 2 ทุ่มครึ่ง ถึง 3 ทุ่มครึ่ง ในวันเสาร์ที่ 23 มีนาคมนี้ 

นายสมบูรณ์ หอมนาน รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมการรณรงค์ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน ปี 2567 (60+ Earth Hour 2024) โดยมี ภาคีเครือข่ายด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งหน่วยงานในสังกัดกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานภายนอกทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 1 สำนักสิ่งแวดล้อม และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ปิดไฟ 1 ชั่วโมง

นายสมบูรณ์ กล่าวว่า กรุงเทพมหานครให้ความสำคัญกับปัญหาโลกร้อน ซึ่งส่งผลกระทบไปทั่วโลก จึงได้ร่วมกับองค์การ WWF ประเทศไทย (องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล) และภาคีเครือข่ายจัดกิจกรรมรณรงค์เพื่อกระตุ้นและรณรงค์ให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการเชิญชวนทุกภาคส่วน  ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน (60+ Earth Hour) ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2551 ถึงปัจจุบัน นับเป็นเวลา 17 ปี

ทั้งนี้ เป็นการรณรงค์ให้ประชาชนปิดไฟที่ไม่จำเป็น เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ร่วมกับ 7,000 เมือง 190 ประเทศทั่วโลก ในวันเสาร์สุดท้ายของเดือนมีนาคมของทุกปี ระหว่างเวลา 20.30 – 21.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นของแต่ละเมือง

สำหรับผลจากการจัดกิจกรรมปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน (60+ Earth Hour) เมื่อปี 2566 ในพื้นที่กรุงเทพฯ สามารถลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้ 36 เมกะวัตต์ ลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ 5.2 ตัน ลดค่าไฟฟ้าคิดเป็นมูลค่า 61,324 บาท

ปิดไฟ 1 ชั่วโมง

ในปี 2567 นี้ กรุงเทพมหานครได้เชิญชวนประชาชน ผู้ประกอบการ ร้านค้า และทุกภาคส่วนร่วมปิดไฟเชิงสัญลักษณ์ในกิจกรรม ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน (60+ Earth Hour 2024) ในวันเสาร์ที่ 23 มีนาคม 2567 ระหว่างเวลา 20.30 – 21.30 น. เพื่อร่วมแสดงพลังในการปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็น เช่น ไฟประดับ ไฟอาคาร ป้ายโฆษณา ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งาน ลดการใช้เครื่องปรับอากาศ เพื่อลดการใช้พลังงาน และลดปัญหาภาวะโลกร้อน

นอกจากหน่วยงานภาคีเครือข่ายด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว กรุงเทพมหานครยังได้ประสานสถานที่สำคัญในกรุงเทพฯ เข้าร่วมปิดไฟเชิงสัญลักษณ์ จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ พระบรมมหาราชวัง (วัดพระศรีรัตนศาสดาราม) วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร สะพานพระราม 8 เสาชิงช้า และภูเขาทอง (วัดสะเกศราชวรมหาวิหาร)

ด้านแนวทางการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียนั้น ทุกหน่วยงานที่เข้าร่วมกิจกรรมจะสื่อสารในทิศทางเดียวกันกับที่องค์การ WWF กำหนด คือใช้แฮชแท็ก #EarthHour #BiggestHourForEarth #MyHourForEarth เพื่อร่วมเชื่อมโยงคนทั้งโลกและแสดงให้เห็นศักยภาพของชาวไทย

ปิดไฟ 1 ชั่วโมง

นอกจากนี้ กรุงเทพมหานคร โดยสำนักสิ่งแวดล้อม ได้ร่วมกับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานส่งเสริมการลดก๊าซเรือนกระจก เพื่อสร้างความร่วมมือให้เป็นไปอย่างยั่งยืน

พร้อมกันนี้ ได้มีการรวบรวมผลการดำเนินงานของทุกหน่วยงาน นำข้อมูลมาวิเคราะห์ สรุป และแสดงผลการดำเนินงานเผยแพร่บนเว็บไซต์ของสำนักสิ่งแวดล้อม เพื่อแบ่งปันข้อมูลผลการดำเนินงานให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบ และเป็นตัวอย่างในการดำเนินกิจกรรมต่อไปในอนาคต

จากผลการดำเนินงานลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ 25 หน่วยงาน ในปี 2564 เท่ากับ 23,828.7 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) และในปี 2565 มีภาคีเครือข่ายเพิ่มขึ้นเป็น 30 หน่วยงาน สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เท่ากับ 26,975.9 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งเป็นการการดำเนินงาน 4 ด้าน ประกอบด้วย 1. ด้านการขนส่งมวลชน 2. ด้านพลังงาน 3. ด้านพื้นที่สีเขียว และ 4. ด้านการจัดการขยะมูลฝอย

กรุงเทพมหานคร ขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมปิดไฟ หรือปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น ในอาคารสำนักงานและในบ้านเรือน เป็นเวลา 1 ชั่วโมง พร้อมกับ 7,000 เมือง 190 ประเทศทั่วโลก ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าไฟภายในบ้าน ช่วยชาติประหยัดพลังงาน ประหยัดงบประมาณ และช่วยรักษ์โลกรักษ์สิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo