Environmental Sustainability

เปิดวิสัยทัศน์ ‘ดิษทัต ปันยารชุน’ แม่ทัพ OR ปฎิบัติการสานเป้าหมาย Net Zero

“ดิษทัต ปันยารชุน” ซีอีโอ OR เผยปฎิบัติการมุ่งสู่ Net Zero ปี 2593 ภายใต้ 3 Key Pillars เพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน ปลูกป่าดูดซับคาร์บอน ขอรับรองคาร์บอนเครดิต สานเป้าหมาย “OR 2030 Goals”

นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.นํ้ามันและการค้าปลีก จํากัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวถึงแนวทางการขับเคลื่อนเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ของ OR ว่า OR มีเป้าหมายที่เรียกว่า OR 2030 Goals ที่ครอบคลุมทั้งในมิติของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

OR

 

สำหรับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม หรือ Healthy Environment จะเป็นเป้าหมายที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดปริมาณขยะที่ เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจ เพิ่มปริมาณการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพิ่มการใช้พลังงานสะอาดมากกว่า 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับปี 2565 และมุ่งสู่ Carbon Neutrality ในปี 2573 และ Net Zero ในปี 2593

ทั้งนี้ การจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ต้องมี 3 Key Pillars ในการขับเคลื่อน ได้แก่ 1. Reduction 2. Capture และ 3. Offset/Carbon Credit

สำหรับ Reduction เรามีโครงการมากมายในการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน ยกตัวอย่างเช่น การติดตั้ง Solar Roof ในพื้นที่การดำเนินการของ OR ทั้งในสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ร้านคาเฟ่ อเมซอน และคลังปิโตรเลียม รวมถึงการมองโอกาสจากการเปลี่ยนมาใช้รถพลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวี ในการดำเนินธุรกิจของบริษัท

empowering

ในส่วนของ Capture OR มีโครงการปลูกป่ากว่า 1 หมื่นไร่ ที่ช่วยในการดูดซับคาร์บอน ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง OR กรมป่าไม้ และมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง

ขณะเดียวกัน ในส่วนของ Carbon Credit OR ได้พัฒนาโครงการเพื่อขอการรับรองคาร์บอนเครดิต จากโครงการโซลาร์รูฟ, เชื้อเพลิงชีวภาพ และโครงการอื่น ๆ อีกมากมายในอนาคต

Net Zero ทางรอดในภาวะโลกเดือด

นายดิษทัต กล่าวต่อว่า เมื่อก่อนเวลาที่เราพูดถึง Climate Change หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาจจะไม่ได้รู้สึกอะไร และคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่ทุกวันนี้ คำว่า Climate Change เข้ามาใกล้ตัวจนรู้สึกได้ในชีวิตประจำวัน

เห็นได้จากเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อุณหภูมิโลกเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้องค์การอนามัยโลก ประกาศว่า เราอยู่ในภาวะโลกเดือด (Global Boiling) ไม่ใช่แค่โลกร้อนอีกต่อไป

ดิษทัต ปันยารชุน1

เราเห็นข่าวสัตว์ทะเลเกยตื้น แพลงก์ตอนบลูมในน้ำทะเล ประการังฟอกขาว ระบบนิเวศขาดความสมดุล ประเทศที่เป็นหมู่เกาะมีแนวโน้มว่าจะจมหายไปจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น หรือผลกระทบใกล้ตัวที่สุดคือ อากาศร้อนถึงขั้นเห็นคนเป็นฮีทสโตรก ซึ่งล้วนเป็นผลมาจากอุณหภูมิโลกที่พุ่งสูงขึ้น

ดังนั้นถ้าเราไม่ช่วยกันเร่งมือกันแบบติดสปีด โลกก็จะอยู่ไม่ได้ และถ้าโลกอยู่ไม่ได้พวกเราก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ยังมีความท้าทายในหลายด้าน หากจะทำเรื่องนี้ให้เกิดการปฎิบัติในกระบวนการ Value Chain ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยที่ผ่านมา OR ลงทุนเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น คิดเป็น 15% ของเงินลงทุนรวม หรือประมาณ 8,000 ล้านบาท สนับสนุนในเรื่องความเป็นกรีน สิ่งแวดล้อม การลดก๊าซเรือนกระจก ฯลฯ

นอกจากนี้ เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการปฎิบัติทั้ง Value Chain OR ได้ปรับหลักเกณฑ์ในการเลือกคู่ค้า โดยหากจะเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ของ OR ต้องให้ความสำคัญกับความยั่งยืนด้วย

ดิษทัต

การมี stakeholder หลายส่วน นั่นหมายความว่าเราต้องเชื่อมโยงกับพวกเขามากขึ้น ทำให้เกิดความเข้าใจ และทำงานร่วมกัน เพราะจะไม่สามารถสำเร็จได้เลย ถ้าเราทำคนเดียว

สิ่งสำคัญคือ OR เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างจริงจัง และพยายามปรับนำสิ่งที่ดีจากธุรกิจของ OR ไปใช้กับธุรกิจอื่น ๆ เช่น นำจุดแข็งหรือประสบการณ์ในธุรกิจ Mobility  ไปใช้กับธุรกิจ Lifestyle ด้วย

นายดิษทัต ยังได้ร่วมเป็นหนึ่งในวิทยากรหลักให้ความรู้เกี่ยวกับการขับเคลื่อนการบรรลุเป้าหมาย Net Zero หัวข้อ Change now ในงานประชุมระดับโลก GC Sustainable Living Symposium 2023: We are GEN S จัดโดย บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ถึงแนวทางการขับเคลื่อนสู่ Net Zero ของ OR

เปิดแนวทางขับเคลื่อนสู่ Net Zero

OR มีวิสัยทัศน์ชัดเจน คือ Empowering All Toward Inclusive Growth หรือ เติมเต็มโอกาสเพื่อการเติบโตร่วมกัน ซึ่งมีความหมายที่สามารถที่จะตอบโจทย์เรื่องของการดูแลสิ่งแวดล้อม ชุมชนสังคมด้วย

นายดิษทัต กล่าวว่า ที่ผ่านมา OR ให้ความสำคัญกับ Stakeholder ที่มีความสำคัญ คือ Living Community, Healthy Environment และ Economic prosperity ซึ่งนำไปสู่การตั้ง OR 2030 Goals 

OR

 

จากนั้นการที่เราจะไปสู่ OR 2030 ได้เราจะต้องตั้ง Roadmapให้ชัดเจน สิ่งที่เราอยากทำคือ ต้อง ลดการใช้ เนื่องจากเราเป็นผู้ค้าขาย ไม่ว่าจะเป็น คาเฟ่ อเมซอน เท็กซัส ชิคเก้น ต้องลดการปล่อยคาร์บอน และเพิ่มการใช้พลังงานสะอาดในระบบนิเวศ และการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

จากนั้น จึงนำมาสู่การวางกลยุทธ์ 3 เรื่อง ได้แก่ 1. Maintain จะทำอย่างไรให้ธุรกิจเราในปัจจุบันให้ Green มากที่สุด ซึ่งนับเป็นความท้าทายจากการที่ OR เป็นผู้ขายน้ำมัน แต่ต้องใช้พลังงานสะอาดในองค์กร 2. Explore การมองหาธุรกิจ Green การลงทุนที่เป็นพลังงานสะอาด และ 3. Innovate คือการสร้างระบบนิเวศให้มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด

 

ปัจจุบัน OR จะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 3 หมื่นตัน จึงตั้งเป้าต้องลดให้ได้ประมาณ 1 หมื่นหรือ 30% ในปี 2573 ตามด้วยการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยการปลูกป่าประมาณ 1 หมื่นไร่ และการพยายามสร้างระบบิเวศ เห็นได้จากการที่สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ติดโซลาร์รูฟท็อปทั้งหมด เพื่อใช้พลังงานสะอาด

นอกจากนี้ ยังเป็นผู้นำในการวางโครงสร้างพื้นฐานร่วมกับรัฐบาล ด้วยการติดตั้งจุดชาร์จรถอีวีให้ได้ 7,000 ยูนิต ทั่วประเทศไทยในปี 2573 จากปัจจุบันที่ติดตั้งแล้ว 600 ยูนิตและสุดท้ายในเรื่องของการ Waste Reduction การลดปริมาณของเสียต่าง ๆ ลงให้ได้ถึง 4,500 ตัน

กรีน

อีกตัวอย่างที่เห็นชัดเจนคือ การให้ความสำคัญในเรื่องของการใช้วัสดุต่าง ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในร้านคาเฟ่ อเมซอน โดยเป็นพาร์ทเนอร์กับ GC ซึ่งเป็นผู้นำในด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยการแยกขยะแก้ว ขวดพลาสติกที่ใช้ นำมาร่วมโครงการ You Turn ของ GC ที่มาเก็บวัสดุ หรือของใช้แล้ว แล้วก็ไปขึ้นรูปมาใหม่แล้วมาทำเสื้อผ้าให้บาริสต้า แล้วก็ทำโต๊ะ หรือเก้าอี้ต่าง ๆ

ในส่วนของ OR ผมว่าผมมีความภูมิใจ พนักงาน OR ทุกคนมีความภูมิใจในธุรกิจเรา มีธุรกิจที่เกี่ยวกับกาแฟ สิ่งที่เราทำได้ที่จะสามารถสร้างการตอบแทนให้ชุมชนต้นน้ำ เช่น การสนับสนุนการปลูกกาแฟที่แม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ โดย OR เข้าไปช่วยสนับสนุนให้องค์ความรู้ ให้เค้ามีความมั่นคงในเรื่องของรายได้ และรับซื้อเมล็ดกาแฟอย่างเป็นธรรม

ปั๊มพีทีที

ในส่วนของพาร์ทเนอร์ธุรกิจที่มีจำนวนมาก เช่น คาเฟ่ อเมซอนกว่า 4,000 สาขา เป็นของ OR ดำเนินการเองเพียง 20 % ส่วนอีก 80 % เป็นพาร์ทเนอร์ ซึ่งพบว่า พาร์ทเนอร์ยินดีปรับตัวเองเพื่อให้ดำเนินการไปในทิศทางเดียวกัน ภายใต้เป้าหมายเดียวกัน

สุดท้ายเรื่อง พนักงาน OR ที่ต้องเป็นพนักงานที่มีใจ และสร้างวัฒนธรรมในองค์กรให้ดูแลสิ่งแวดล้อม

ล่าสุด OR ได้ทำ Flagship สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ที่วิภาวดี 62 ซึ่งจะเปิดอย่างเป็นทางการต้นเดือนธันวาคมนี้ โดยเป็น Flagship ที่มีความเป็น Green เพื่อสร้างแบบอย่างและโมเดลธุรกิจให้พาร์ทเนอร์เห็นและทำตาม ซึ่งในสถานีบริการ ดังกล่าวจะมีส่วนช่วยชุมชน ด้วยการนำผลิตภัณฑ์ชุมชนไปจำหน่ายในร้านไทยเด็ด เพื่อกระจายรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ชุมชน สังคม ที่ OR ไปประกอบธุรกิจ

อ่านข่่าวเพิ่มเติม

Avatar photo