Environmental Sustainability

นายกฯ มั่นใจกลยุทธ์ ESG กู้โลก จัดมาตรการทางการเงินกว่า 4.5 แสนล้าน ลงทุนเศรษฐกิจสีเขียว

นายกฯ แสดงวิสัยทัศน์การขับเคลื่อนสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ESG ผลักดันประเทศไทยสู่ความยั่งยืน ออกมาตรการทางการเงินกว่า 4.5 แสนล้านบาท ลงทุนเศรษฐกิจสีเขียว ส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืน

วานนี้ (5 ต.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็น ร่วม เร่ง เปลี่ยนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และแสดงวิสัยทัศน์การขับเคลื่อนสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ESG (Environmental, Social and Governance) เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่ความยั่งยืน ในงาน ESG Symposium 2023 ภายใต้งาน Sustainability Expo 2023

6

นายเศรษฐา ได้แสดงวิสัยทัศน์การขับเคลื่อน ESG เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่ความยั่งยืน โดยกล่าวว่า รู้สึกประทับใจที่ได้เห็นคนไทยทุกภาคส่วน ทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ ภาควิชาการ และภาคประชาสังคม ร่วมกันหาแนวทางทำให้ประเทศไทยเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ

ขณะที่ภาวะโลกเดือด (Boiling World) ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของทุกชีวิตบนโลก สภาพอากาศสุดขั้วส่งผลต่อสุขภาพ ภัยแล้งรุนแรงมากขึ้น อาหารขาดแคลน ซึ่งนำไปสู่ปัญหาเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับครัวเรือนจนถึงระดับมหภาค

อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่า หากทุกฝ่ายร่วมมือกันตามกลยุทธ์ ESG ที่เน้นสร้างเศรษฐกิจ ควบคู่กับสมดุลทางสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างโปร่งใส มุ่งสู่เป้าหมาย Sustainable Development Goals (SDGs) ของสหประชาชาติ เราช่วยกันจะกู้โลกให้กลับมาดีขึ้นได้

5 1

จากการเข้าร่วมประชุมระดับผู้นำว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนประจำปี 2566  (Sustainable Development Goals (SDG) Summit 2023) เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยสหประชาชาติได้กำหนดให้เป็นทศวรรษแห่งการลงมือทำ (Decade of Action)

ในส่วนของประเทศไทย ได้สนับสนุนกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศให้มีความเข้มแข็ง โดยเฉพาะความร่วมมือในการจัดสรรแหล่งทรัพยากรและเงินทุน ซึ่งจะช่วยให้ทุกประเทศรับมือกับความท้าทาย และร่วมกันขับเคลื่อน SDGs เป็นรูปธรรม

ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ออกมาตรการทางการเงินกว่า 4.5 แสนล้านบาท เพื่อลงทุนในเศรษฐกิจสีเขียว และ Thailand Green Taxonomy เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเพื่อความยั่งยืน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากภาคธุรกิจไทย

4 2

ทั้งนี้ เห็นได้จาก Global Compact Network Thailand กว่า 100 บริษัททั่วประเทศ พร้อมขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และตั้งเป้าลงทุน 1.6 ล้านล้านบาท ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ SDGs ภายในปี 2573

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนว่า ต้องมีแนวทางที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านที่ชัดเจน โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งประเทศไทยได้มีแนวทาง ได้แก่ 1. มุ่งมั่นการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ผ่านหลักการไปให้ถึงและช่วยเหลือกลุ่มที่รากหญ้า

2. ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมทางเพศ สำหรับประชากรทุกคนในประเทศ และให้ความสำคัญกับสิทธิด้านสุขภาพ และ 3. ผลักดันความร่วมมือทุกระดับ เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงส่งเสริมการเข้าถึงบริการพลังงานสะอาด ในราคาที่เหมาะสมและมีความน่าเชื่อถือภายในปี 2573

9

วันนี้ประเทศไทยพร้อมเดินหน้าแก้วิกฤตสิ่งแวดล้อม โดยรัฐบาลบรรจุอยู่ในนโยบาย และมีแผนที่นำทางการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ (Nationally Determined Contribution : NDC) เพื่อให้ทุกภาคส่วนดำเนินงานอย่างบูรณาการร่วมกัน

นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงการผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เป็นวาระแห่งชาติว่า รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการกำหนดนโยบายจัดการขยะและเปิดให้จัดหาสินค้ากรีน เพื่อสร้าง eco-system ที่เอื้อต่อระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน เป็นต้น รวมถึงการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ถือเป็นการสร้างความมั่นคงทางพลังงาน เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในอนาคต และช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตแบบคาร์บอนต่ำ

อีกทั้งรัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาดให้เต็มประสิทธิภาพ และศึกษาการเปิดให้สามารถซื้อ-ขายไฟฟ้าจาก Renewable Source ได้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นจุดแข็งของประเทศไทยในการดึงดูดนักลงทุน และบริษัทต่างชาติในอนาคต

IMG 20231005171316000000

สิ่งสำคัญคือ การเปลี่ยนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง (Leave no one behind) ต้องยอมรับว่ายังมีประชาชนอีกมาก โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก เกษตรกร และชุมชน ที่ยังไม่ตระหนักถึงวิกฤตนี้ หรือยังไม่พบทางออกเพื่อรับมือ

ดังนั้น ควรสนับสนุนการเข้าถึงความรู้ เทคโนโลยี และการเข้าถึงเงินทุน แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ให้สามารถปรับตัวอยู่รอดได้ พร้อมฝากให้ธุรกิจขนาดใหญ่เป็นพี่เลี้ยงผู้ประกอบการขนาดเล็กและชุมชน รวมทั้งผนึกกำลังกับภาคส่วนต่าง ๆ อย่างในวันนี้ โดยข้อเสนอต่าง ๆ ดังกล่าว จะมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมนิทรรศการเกี่ยวกับการจัดงาน ณ บริเวณ ESG Landmark หน้าห้อง Plenary Hall ได้แก่ 1. สระบุรีแซนบ็อกซ์ ต้นแบบเมืองคาร์บอนต่ำครบวงจรของไทย 2. แบตเตอร์รี่กักเก็บพลังงานสะอาด และ 3. โครงการพัฒนาคลองเปรมประชากร

2 3

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo