Technology

ส่องเทรนด์เทคโนโลยีปี 2567 ยุคแห่งการต่อยอด AI ทั่วโลกใช้จ่ายไอทีเพิ่ม

จับตาเทรนด์เทคโนโลยีปี 2567 คาดการณ์ทั่วโลกยังคงลงทุนไอทีเพิ่มต่อเนื่อง โดยเฉพาะคลาวด์ และไซเบอร์ ซีเคียวริตี้ พร้อมต่อยอดการใช้งาน AI ที่จะเข้ามามีอิทธิพลมากยิ่งขึ้น

ผ่านพ้นปี 2566 เข้าสู่ปี 2567 ธุรกิจไอทีและเทคโนโลยี ยังคงเดินหน้าพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภค

เทรนเ์เทคโนโลยี

ทั้งนี้ เห็นได้จากรายงานแนวโน้มการลงทุนด้านไอทีของโลก โดย การ์ทเนอร์ (Gartner) ที่ระบุว่า การใช้จ่ายด้านไอทีทั่วโลกจะมีมูลค่ารวม 5.1 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2567 เพิ่มขึ้น 8% จากปี 2566 โดยเฉพาะการลงทุนบนคลาวด์และความปลอดภัยทางไซเบอร์ (ไซเบอร์ ซิเคียวริตี้เป็นหลัก

การ์ทเนอร์ คาดการณ์ว่า การใช้จ่ายด้านบริการคลาวด์สาธารณะทั่วโลก จะเพิ่มขึ้นถึง 20.4% ในปี 2567 ขณะที่ด้านระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์นั้น องค์กรประมาณ 80% วางแผนที่จะเพิ่มการใช้จ่ายด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และข้อมูล

นอกจากนี้ ในส่วนของกลุ่มซอฟต์แวร์และบริการไอที ก็คาดว่าจะมีการเติบโตเป็นเลขสองหลัก เช่นเดียวกับการลงทุนด้านอื่น ๆ ที่คาดการณ์ว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน ทั้งด้านบิ๊กดาต้า การลงทุนเครือข่ายและการสื่อสาร ระบบอัตโนมัติฯลฯ

เทคโนโลยีมาแรงที่ยังคงต้องจับตามองในปี 2567 ยังหนีไม่พ้น AI หรือปัญญาประดิษฐ์ โดยเฉพาะการพัฒนา Generative AI ที่ส่งเสริมให้องค์กรมีการลงทุนด้านไอทีเพิ่มขึ้น และเป็นการลงทุนในวงกว้างมากขึ้น

bigdata

เปิด 10 เทรนด์เทคโนโลยีปี 2567

ความร้อนแรงต่อเนื่องของ AI ทำให้การ์ทเนอร์ จับมาเป็นเทรนด์สำคัญด้านเทคโนโลยีในปี 2567 อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและสังคม ทำให้องค์กรธุรกิจ เห็นความสำคัญของการลงทุนเทคโนโลยี ที่จะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้

คริส ฮาวเวิร์ด รองประธานและหัวหน้าฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า Generative AI และ AI ประเภทอื่น ๆ เป็นเครื่องมือนำเสนอโอกาส และขับเคลื่อนเทรนด์ต่าง ๆ แต่การจะได้มาซึ่งคุณค่าทางธุรกิจจากการใช้ AI อย่างต่อเนื่องนั้น ต้องมีแนวทางที่เป็นขั้นเป็นตอนเพื่อการนำไปใช้ได้อย่างครอบคลุม ควบคู่กับการใส่ใจในความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยการ์ทเนอร์ รวบรวม 10 เทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ในปี 2567 ไว้ดังนี้

Democratized Generative AI

Generative AI (หรือ GenAI) กำลังกลายเป็นเทคโนโลยีสาธารณะ ด้วยการผสานรวมรูปแบบจำลองที่ได้รับการฝึกฝนล่วงหน้าไว้จำนวนมาก เข้ากับการประมวลผลคลาวด์และระบบโอเพ่นซอร์ส ทำให้ผู้ใช้งานทั่วโลกสามารถเข้าถึงโมเดลเหล่านี้ได้

การ์ทเนอร์คาดว่าภายในปี 2569 องค์กรมากกว่า 80% จะใช้ GenAI API และโมเดลต่าง ๆ และ/หรือปรับใช้แอปพลิเคชันที่เปิดใช้งาน GenAI ในสภาพแวดล้อมการผลิต เพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปี 2566 ที่น้อยกว่า 5%

แอปพลิเคชัน GenAI ต่าง ๆ ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงแหล่งข้อมูลมากมายจากภายในและภายนอกองค์กรเพื่อใช้ในทางธุรกิจได้ ซี่งหมายความว่าการนำ GenAI มาใช้อย่างรวดเร็ว จะทำให้เกิดองค์ความรู้และทักษะในองค์กรอย่างเสรีและมีนัยสำคัญ โดยโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) จะช่วยให้องค์กรเชื่อมโยงพนักงานกับความรู้ในรูปแบบการสนทนาพร้อมเข้าใจความหมายที่หลากหลาย

การ์ทเนอร์

AI Trust, Risk and Security Management

การเข้าถึง AI แบบเสรี ทำให้ต้องมีการกำหนดกลยุทธ์สำหรับจัดการด้านความน่าเชื่อถือ ความเสี่ยง และการรักษาความปลอดภัย (หรือ TRiSM) อย่างเร่งด่วนและชัดเจนมากยิ่งขึ้น

หากไม่มีกลยุทธ์ที่ตีกรอบโมเดลการใช้ AI จะสร้างผลลบแบบทบต้นที่ควบคุมไม่ได้ บดบังประสิทธิภาพเชิงบวกและประโยชน์ที่สังคมควรได้รับจาก AI

การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่า ภายในปี 2569 องค์กรที่ใช้การควบคุม AI TRiSM จะเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ โดยกำจัดข้อมูลผิดพลาดและผิดกฎหมายได้มากถึง 80%

AI-Augmented Development

การพัฒนาเสริมด้วย AI คือการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เช่น GenAI และ Machine Learning เพื่อช่วยในการออกแบบ เขียนโค้ด และทดสอบแอปพลิเคชันให้กับวิศวกรซอฟต์แวร์ โดยการทำวิศวกรรมซอฟต์แวร์ที่ใช้ AI มาช่วย (AI-assisted Software Engineering) จะปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของนักพัฒนา และช่วยให้ทีมพัฒนาตอบสนองความต้องการซอฟต์แวร์ที่เพิ่มขึ้นสำหรับการดำเนินธุรกิจ

เครื่องมือที่พัฒนาขึ้นโดยใช้ AI (AI-Infused Development Tools) เหล่านี้ช่วยให้วิศวกรซอฟต์แวร์ใช้เวลาเขียนโค้ดน้อยลง จึงสามารถใช้เวลามากขึ้นกับงานเชิงกลยุทธ์มากขึ้นเช่นการออกแบบและจัดวางองค์ประกอบของแอปพลิเคชันทางธุรกิจที่น่าสนใจ

Intelligent Applications

การ์ทเนอร์ ให้คำจำกัดความของแอปพลิเคชันอัจฉริยะที่มีความชาญฉลาด ว่าเป็นความสามารถในการเรียนรู้ปรับตัวให้ตอบสนองอัตโนมัติอย่างเหมาะสม โดยข้อมูลอัจฉริยะนี้สามารถนำไปใช้ในหลายเคสการใช้งานเพื่อเพิ่มหรือทำงานอัตโนมัติได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากความสามารถพื้นฐาน ความชาญฉลาดในแอปพลิเคชันประกอบด้วยบริการต่าง ๆ ที่ใช้ AI ทำให้แอปพลิเคชันอัจฉริยะ สามารถมอบประสบการณ์ที่ปรับเข้ากับผู้ใช้แบบไดนามิก

จากผลสำรวจ 2023 Gartner CEO and Senior Business Executive Survey พบความต้องการใช้งานแอปพลิเคชันอัจฉริยะ โดย 26% ของผู้บริหารระดับซีอีโอ ระบุว่าการขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะความสามารถเป็นความเสี่ยงที่สร้างความเสียหายมากที่สุดต่อองค์กร ทำให้การดึงดูดและรักษาผู้มีความสามารถ เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในด้านบุคลากรของผู้บริหาร ขณะที่ AI ได้รับเลือกให้เป็นเทคโนโลยีที่จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรมในช่วงสามปีข้างหน้า

AI

Augmented-Connected Workforce (ACWF)

ACWF หรือ การเชื่อมโยงพนักงานให้ทำงานร่วมกันมากขึ้น เป็นกลยุทธ์ในการเพิ่มมูลค่าที่ได้รับจากแรงงานมนุษย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ความจำเป็นในการเร่งและขยายทีมบุคลากรที่มีทักษะและความสามารถกำลังขับเคลื่อนกระแส ACWF

สำหรับกลยุทธ์ของ ACWF ใช้แอปพลิเคชันอัจฉริยะ และการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของบุคลากรเพื่อสร้างบริบทและแนวทางการทำงานทุกวัน เพื่อสนับสนุนประสบการณ์ ความเป็นอยู่ที่ดี และความสามารถในการพัฒนาทักษะ ขณะเดียวกัน ACWF ยังใช้ขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางธุรกิจและผลกระทบเชิงบวกต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก

Continuous Threat Exposure Management

การจัดการความเสี่ยงต่อภัยคุกคามอย่างต่อเนื่อง (Continuous Threat Exposure Management หรือ CTEM) เป็นแนวทางเชิงปฏิบัติและเป็นระบบที่ช่วยให้องค์กรประเมินการเข้าถึง ความเสี่ยง และการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ดิจิทัลและสินทรัพย์ที่จับต้องได้ขององค์กรได้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ

ขณะที่การจัดวางขอบเขตการประเมินและการแก้ไข CTEM ให้สอดคล้องกับวิธีการสร้างภัยคุกคามหรือโครงการทางธุรกิจ แทนที่จะเป็นส่วนประกอบในโครงสร้างพื้นฐาน ไม่เพียงแต่จะเผยให้เห็นช่องโหว่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงภัยคุกคามที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วย

ภายในปี 2569 การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าองค์กรที่จัดลำดับความสำคัญการลงทุนด้านความปลอดภัยตามโปรแกรม CTEM จะพบว่าการละเมิดลดลง 2 ใน 3

cyber

Machine Customers

ลูกค้าที่เป็นเครื่องจักร (Machine Customers หรือที่เรียกว่า คัสโตบอท) จะเป็นผู้มีบทบาททางเศรษฐกิจในแบบที่ไม่ใช่มนุษย์ โดยมีความสามารถเจรจา ซื้อสินค้าและบริการเพื่อให้เกิดเป็นการชำระเงิน

ภายในปี 2571 ผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมต่อกัน 1.5 หมื่นล้านชิ้น จะมีศักยภาพแสดงตนเป็นลูกค้าได้ และจะมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อีกนับพันล้านชิ้นตามมาในปีต่อไป

แนวโน้มการเติบโตนี้จะสร้างรายได้นับล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2573 และในที่สุดจะมีความสำคัญมากกว่าเมื่อตอนเกิด Digital Commerce ดังนั้นผู้บริหารควรพิจารณากลยุทธ์รวมถึงโอกาสในการอำนวยความสะดวกให้กับอัลกอริธึมและอุปกรณ์เหล่านี้ หรือแม้แต่สร้างคัสโตบอทใหม่ ๆ

Sustainable Technology

เทคโนโลยีที่ยั่งยืน (Sustainable Technology) เป็นกรอบการทำงานของโซลูชันดิจิทัลที่ใช้เพื่อสร้างผลลัพธ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) สนับสนุนสมดุลของระบบนิเวศและสิทธิมนุษยชนในระยะยาว

การใช้เทคโนโลยี อย่าง AI, Cryptocurrency, Internet of Things และ Cloud Computing กำลังผลักดันให้เกิดข้อถกเถียงด้านการใช้พลังงานที่เกี่ยวข้องและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมั่นใจว่าการใช้ไอทีจะมีประสิทธิภาพ มีการหมุนเวียน และมีความยั่งยืนมากขึ้น

การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่า ภายในปี 2570 ผู้บริหารซีไอโอ 25% จะเห็นการเชื่อมโยงของค่าตอบแทนส่วนบุคคลกับผลกระทบทางเทคโนโลยีที่ยั่งยืน

Platform Engineering

วิศวกรรมแพลตฟอร์ม (Platform Engineering) เป็นหลักการสร้างและดำเนินการแพลตฟอร์มเพื่อการพัฒนาภายในด้วยตนเอง แต่ละแพลตฟอร์มจะได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้ผ่านการเชื่อมต่อเครื่องมือและกระบวนการต่าง ๆ ซึ่งเป้าหมายของ Platform Engineering คือการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพิ่มประสบการณ์ผู้ใช้ และเร่งการส่งมอบมูลค่าทางธุรกิจ

Industry Cloud Platforms

ภายในปี 2570 การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าองค์กรมากกว่า 70% จะใช้แพลตฟอร์มคลาวด์อุตสาหกรรม (ICP) เพื่อเร่งโครงการใหม่ ๆ ทางธุรกิจ จากที่น้อยกว่า 15% ในปี 2566

ICP จัดการกับผลลัพธ์ทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมโดยการรวมบริการ SaaS, PaaS และ IaaS พื้นฐานเข้าด้วยกัน ไปสู่การนำเสนอผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่มีความสามารถในการประกอบเข้ากันได้ รวมทั้งยังสามารถปรับแต่งเพิ่มเติมให้ตรงกับความต้องการขององค์กรได้

ทั้งหมดนี้ เป็นเทรนด์เทคโนโลยีที่องค์กรธุรกิจควรเตรียมพร้อม และนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับองค์กร เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ในยุคที่เทคโนโลยีเป็นอาวุธสำคัญในการสร้างแต้มต่อให้กับภาคธุรกิจ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo