Technology

ผ่าองค์กรไทย 4 สายพันธุ์บนโลก ‘มาร์เก็ตติ้ง ทรานส์ฟอร์เมชัน’ ยุคดิจิทัล

YDM ผ่าองค์กรไทย 4 สายพันธุ์บนโลก ทำมาร์เก็ตติ้ง ทรานส์ฟอร์เมชัน ยุคดิจิทัล แนะทริคติดสปีด ใช้ Data และ MarTech ขับเคลื่อนแบรนด์

นายธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด เผยว่า ในยุคที่องค์กรทั่วโลกเดินหน้าทำ มาร์เก็ตติ้ง ทรานส์ฟอร์เมชัน (Marketing Transformation) ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมดิจิทัล และสภาพการแข่งขันที่ดุเดือดของตลาด

มาร์เก็ตติ้ง ทรานส์ฟอร์เมชัน

 

อย่างไรก็ตาม กลับมีหลายปัจจัยที่กระทบกับความยากง่าย และระยะเวลาในการทรานส์ฟอร์มฯ เช่น ความพร้อมทางด้านบุคลากรทั้งทางด้าน Mindset และ Skill set ระบบการจัดการข้อมูลในองค์กร การเลือกใช้เครื่องมือทางด้าน MarTech ตลอดจนการลงทุนทั้งในเรื่องของงบประมาณและเวลา

ปัจจัยข้างต้น ล้วนมีผลทำให้เกิดช่องว่างระหว่างองค์กรที่ทรานส์ฟอร์มได้สำเร็จ กับองค์กรที่อยู่ระหว่างดำเนินการ และองค์กรกำลังเริ่มต้น

จากประสบการณ์ทำงานร่วมกับลูกค้าหลากหลายอุตสาหกรรมมากว่า 10 ปี YDM ได้แบ่งประเภทขององค์กรออกเป็น 4 สายพันธุ์ พร้อมแนวทางในการปรับปรุงองค์กร ด้วยการทำ มาร์เก็ตติ้ง ทรานส์ฟอร์เมชัน สู่โลกการตลาดยุคใหม่ ได้แก่

กลุ่มที่ 1 ไดโนซอร์ (Dinosaur)

กลุ่มนี้มีประมาณ 20% โดยเป็นกลุ่มที่มีความพร้อมในการทรานส์ฟอร์มฯ น้อยที่สุด ยังทำการตลาดแบบดั้งเดิม (Traditiona)l เน้นสื่อสารแบบ Mass กำหนดกลุ่มเป้าหมายแบบกว้าง ๆ แบ่งเป็นกลุ่มตามเพศ อายุ ช่วงวัย โลเคชั่น ฯลฯ ไม่มีการกำหนดเป็น Segment ย่อย ตามพฤติกรรมผู้บริโภค  และใช้สื่อออฟไลน์เป็นหลัก

นอกจากนี้ ยังเน้นการใช้ข้อมูลจากบริษัทรีเสิร์ช  กระบวนการทำงานค่อนข้างช้า ใช้ระยะเวลาทำโฆษณาต่อแคมเปญนาน 2-3 เดือน KPI ของแคมเปญขึ้นกับ KPI ของมีเดีย เช่น View, Reach & Frequency, No. of Follower

สำหรับกลุ่มนี้ YDM แนะนำให้ทำ Digital Marketing เพิ่มมากขึ้น และจัดเก็บข้อมูลของ Customers และ Potential Customers ในทุก ๆ Touch points ให้ได้มากที่สุด เพื่อเลื่อนระดับเข้าสู่กลุ่มที่ 2

03 YDM ผ่าองค์กร แบ่งกลุ่ม 4 สายพันธุ์

กลุ่มที่ 2 ชิมแปนซี (Chimpanzee)

พบมากที่สุดในองค์กรไทยราว 50% เป็นกลุ่มที่เริ่มทรานส์ฟอร์ม มีความพร้อมในเชิง Data และ Digital Marketing มากขึ้น เน้นทำการตลาดหลากหลายช่องทางบนออนไลน์และออฟไลน์ โดยให้ความสำคัญทั้งออนไลน์และออฟไลน์พอ ๆ กัน

ในกลุ่มนี้ จะเริ่มมีการบริหารจัดการข้อมูล แต่ยังเป็นการเก็บแบบแยกส่วน ให้ความสำคัญกับทั้งสองช่องทางเท่ากัน เริ่มใช้ Data กำหนดทิศทางการทำการตลาด โดยอาศัยข้อมูลจาก 2 ส่วน คือ ข้อมูลในองค์กร และข้อมูลจากภายนอก เก็บข้อมูลแยกส่วนกัน ส่งผลให้การตัดสินใจคลาดเคลื่อน

สำหรับ KPI งานโฆษณาของ เผ่าชิมแปนซี มีหลายมิติขึ้น เช่น วัด KPI จากยอด Engagement, Conversion, หรือ Lead เป็นต้น

YDM แนะนำองค์กรกลุ่มนี้ ให้ความสำคัญการจัดเก็บข้อมูลภายในให้ละเอียดมากขึ้น และพยายามรวมศูนย์ข้อมูลไว้ในที่เดียวกัน และควรพิจารณานำเครื่องมือ MarTech อย่าง Customer Data Platform (CDP) มาเริ่มใช้งาน

กลุ่มที่ 3 เซเปียนส์ (Sapiens)

พบ 25% เริ่มมีการใช้ Customer Data และ Marketing Technology เพื่อเพิ่มยอดขายสามารถทรานส์ฟอร์ม มาร์เก็ตติ้ง มาได้เกินครึ่งทาง ตัดสินใจทางการตลาดโดยอาศัยข้อมูลในองค์กรเป็นหลัก และข้อมูลเกินกว่า 50% สามารถนำมารวมศูนย์ได้ เริ่มมองเห็นความเชื่อมโยงของข้อมูลในระดับ Consumer Journey ได้ ทำให้สามารถทำการตลาดเฉพาะบุคคล แบ่งเป็น Segment ย่อย ๆ ตามพฤติกรรมได้

ขณะเดียวกัน ยังสามารถทำ ประสบการณ์ลูกค้าเฉพาะบุคคล (Personalized Customer Experience) โดยมีการสื่อสาร นำเสนอสินค้าบริการและโปรโมชั่น เจาะ Segment ได้อย่างเหมาะสม โดยจะเริ่มลงทุนในเทคโนโลยีทางการตลาด เช่น CDP, Chatbot, Data Analytic Tools ต่าง ๆ และเริ่มมีการทำ Marketing Automation ในงานที่ไม่ซับซ้อนมาก เช่น CRM

KPI งานโฆษณาในกลุ่มเซเปียนส์ เป็นยอดขาย เพราะสามารถวัดผลกระทบของงานโฆษณาที่มีต่อยอดขายได้ชัดเจน

YDM แนะให้กลุ่มนี้เริ่มทดลองสร้าง Segment กลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ จากข้อมูลที่มีเพื่อหาโอกาสในการขยายธุรกิจ และทำ Use Case Marketing Automation และ Personalized Marketing หลายแบบ และเริ่มนำ AI มาใช้ในส่วนงาน Data ที่มีความพร้อม

01 นายธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บ
ธนพล ทรัพย์สมบูรณ์

กลุ่มที่ 4 โฮโมดีอุส (Homo Deus) 

กลุ่มขั้นเทพนี้ พบเพียง 5% เท่านั้น เป็นกลุ่มที่ทรานส์ฟอร์มตัวเองสำเร็จแล้ว ใช้ Marketing Automation และ AI ได้เต็มรูปแบบ มีการเก็บ Data ในทุก ๆ Touch Point ใน Consumer Journey รวมไว้ที่เดียวกันได้ทั้งหมด และสามารถเชื่อมต่อข้อมูลกันได้อย่าง Full Loop

ความสามารถดังกล่าว ทำให้ทุกคนตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลชุดเดียวกัน ด้วยความสมบูรณ์ของข้อมูลทำให้สามารถทำ Personalized Marketing แบบรายบุคคลได้ มีการใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลและช่วยในการตัดสินใจ ช่วยลดการตัดสินใจของคนลงได้หลายเรื่อง มีการทำ Marketing Automation เกือบจะทุกส่วนใน Consumer Journey

KPI ของเผ่าโฮโมดีอุส วัดจาก ยอดขายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความก้าวหน้าในการใช้ Marketing Technology และการรวบรวมข้อมูลมาป้อนให้ AI หากนำData กลับไปให้ AI มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้ AI ที่ฉลาดเพิ่มประสิทธิภาพการทำตลาดได้มากขึ้นบนต้นทุนที่ต่ำลง

สำหรับสายพันธุ์ขั้นเทพอย่าง โฮโมดีอุส YDM แนะควรมุ่งหา Data Partner เพราะ Data ที่องค์กรเก็บมาอาจไม่เพียงพอ การหา Data Partner ในหลากหลายธุรกิจ เพื่อขยายขนาดฐานข้อมูล นำไปสู่การขยายกลุ่มผู้บริโภคที่กว้างขึ้น เพิ่มโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ

ทั้งหมดนี้ Data คือฟันเฟืองที่สำคัญของการทำ มาร์เก็ตติ้ง ทรานส์ฟอร์เมชัน ควบคู่กับการใช้ MarTech ที่มีประสิทธิภาพ

ที่ผ่านมา YDM Thailand นำประสบการณ์ทำงานและความเชี่ยวชาญ เป็นส่วนหนึ่งในการเร่งขับเคลื่อนองค์กรไทยหลายแห่งทำ มาร์เก็ตติ้ง ทรานส์ฟอร์เมชัน ให้ประสบผลสำเร็จ เพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo