COLUMNISTS

เมื่อคนไทยป่วยโรคไตไม่แพ้ชาติใด ติดท็อป 5 ของโลก!!

Avatar photo
พิษณุ แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานพัฒนาธุรกิจ บมจ.โรงงานเภสัช อุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย)

เมื่อคนไทยป่วยโรคไตไม่แพ้ชาติใด ติดท็อป 5 ของโลก ทางออกและทางรอดปัญหานี้รัฐ-เอกชนต้องร่วมมือกัน

ในขณะที่ทั่วโลกกำลังเปิดรับเทรนด์ Well being การเป็นอยู่ที่ดีนั้น คนไทยเราก็กำลังตื่นตัวกับเทรนด์ดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้นซึ่งถือเป็นเรื่องน่ายินดี แต่รู้หรือไม่ครับ กรมอนามัยได้เปิดเผยตัวเลขเมื่อปี 2566 พบว่า ไทยแลนด์แดนอู่ข้าวอู่น้ำติด 1 ใน 5 ประเทศที่มีอัตราการเกิดโรคไตสูงสุด และตัวเลขในปี 2565 พบว่าคนไทยถูกคุกคามจากโรคไตกว่า 11 ล้านคน

โรคไต

รวมถึงมีข้อมูลจากแหล่งอื่นที่ระบุว่า ปัจจุบัน ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังไม่น้อยกว่า 1,000,000 คน ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่ต้องได้รับการบำบัดทดแทนไต ประมาณ 200,000 คน โดยมีอัตราเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยที่ต้องได้รับการบำบัดแทนไตโดยเฉลี่ยประมาณ 15,000คนต่อปี ในขณะที่ศูนย์ฟอกไต ทั้งของภาครัฐและของภาคเอกชนมีจำนวนมากกว่า 1,400 ศูนย์ (ประมาณการณ์จำนวนศูนย์ในปี 2023)

ส่วนรายละเอียดของการรักษานั้น รัฐบาลได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการฟอกเลือดให้กับศูนย์ฟอกไตในราคาประมาณ 1,500 บาท โดยผู้ป่วยสามารถฟอกไตฟรีโดยใช้สิทธิ์ต่างๆได้ แต่ในความเป็นจริงนั้นปรากฏว่า ศูนย์ฟอกไตยังคงไม่เพียงพอต่อปริมาณผู้ป่วยทำให้ผู้ป่วย จะต้องรอคิวหรือต้องเดินทางในระยะทางไกล โดยหลายรายในต่างจังหวัดต้องใช้ระยะเวลาเดินทางขาไปขากลับมากกว่า 4 ชั่วโมงไม่นับรวมระยะเวลาที่ใช้ในการฟอกเลือด

โรคไต

ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ศูนย์ฟอกไตมีจำนวนไม่เพียงพอเนื่องจากบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงค่าใช้จ่ายของศูนย์ ที่จะต้องจ่ายค่าหมอค่าพยาบาล ที่จะต้องซื้อ Supply และเครื่องมือที่ใช้ประกอบในการฟอกเลือด เช่นน้ำยาฟอกเลือด สายฟอกเลือด เข็ม สำลีผ้าก๊อซ ยา ป้องกันการแข็งตัวของเลือด เครื่องฟอกเลือด ระบบน้ำ RO ทำให้ศูนย์ฟอกไตต้องแบกรับภาระ ค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงแต่ในทางกลับกันต้องใช้เวลาในการทำเลือกเบิกจ่าย 1,500 บาทจากทางภาครัฐ

ด้วยเหตุนี้ทางบริษัท Supply จึงต้องปรับตัว ในการ ลงทุนและปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ได้น้ำยาฟอกเลือดในการผลิตครั้งละปริมาณมากเพื่อให้ได้ราคาถูกลง รวมถึงการนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ราคาถูกลงแต่ได้มาตรฐานดี จุดสำคัญที่ทำให้ศูนย์ฟอกเลือดอยู่ได้คือการช่วยให้ศูนย์ฟอกเลือดมีเงินหมุนเวียนหรือมีเครดิตเทอมในระยะยาวเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายจากการรอคอยการเบิกจ่ายค่าฟอกเลือดจากทางภาครัฐ อีกตัวช่วยคือทางบริษัท Supply ควรจะมีการปล่อยเช่าเครื่องฟอกเลือดและปล่อยเช่าระบบน้ำ RO เพื่อช่วยให้ทางศูนย์ฟอกไตเปิดใหม่มีเงินทุนในการหมุนเวียนมากขึ้น

โรคไต

ยกตัวอย่างนะครับการเปิดศูนย์ฟอกไต 1 แห่ง ที่มีจำนวน 12 เตียง เพื่อการรับผู้ป่วยได้ 150-250 รายต่อสัปดาห์นั้น จะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 6-9 ล้านบาท แต่ถ้าบริษัท Supply บริษัทเครื่องมือแพทย์และบริษัทผลิตระบบน้ำ RO สามารถช่วยเหลือศูนย์ฟอกไตในการปล่อยเช่าและในการให้เครดิตเทอมเพื่อเป็นการดึงดูดให้ศูนย์ฟอกไตสามารถเปิดใหม่ได้ โดยเฉพาะกับหมอฟอกไตที่เพิ่งเรียนจบมาและไม่มีเงินทุน จะทำให้การใช้เงินลงทุนอยู่ประมาณ 3 ล้านบาท

ถ้าบริษัทเอกชนสามารถช่วยเหลือ ได้ หมอที่จบใหม่ก็สามารถเปิดศูนย์ฟอกไตได้ง่ายขึ้น ก็จะให้ผู้ป่วยที่ต้องฟอกไตมีโอกาสในการเข้าถึงการฟอกเลือดได้ ครอบคลุมทุกพื้นที่ไม่ต้องเสียระยะเวลาในการรอคอยและไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางซึ่งจะต้องเสียเวลาทั้งผู้ป่วยและลูกหลานที่พาผู้ป่วยไปฟอกไต

การร่วมมือกันในรูปแบบนี้ก็จะช่วยให้ ไม่เสียโอกาส ในด้านเศรษฐกิจและระยะเวลา ในการทำงานและค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วย สามารถพัฒนาประเทศได้อีกมหาศาลครับ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่