Properties

‘พลัส พร็อพเพอร์ตี้’ มองแนวโน้มตลาดอสังหาฯทรงตัว วอนรัฐออกยาแรงกระตุ้น

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เปิดผลสำรวจโค้งสุดท้ายปี 63 แนวราบยังเป็นตลาดหลัก ชี้ทำเลกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ – บางนา น่าจับตา ประตูเชื่อมสู่ EEC วอนรัฐบาลออกยาแรงกระตุ้นตลาด

  • มองไตรมาสสุดท้ายปี 63 ตลาดอสังหาฯ แนวโน้มทรงตัวต่อเนื่อง คาดตลาดแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม เป็นตัวขับเคลื่อนตลาดส่งท้ายปี
  • พบทำเลศักยภาพ อาทิ กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่-บางนา เป็นประตูเชื่อมสู่ EEC รวมถึงรามอินทราที่เป็นส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า และโซนรอบนอกวงแหวนใกล้ทางด่วนยังมีความน่าสนใจ
  • ขอรัฐบาลออกยาแรงกระตุ้นตลาดโค้งสุดท้าย อาทิ ขยายกลุ่มให้ครอบคลุมทุกระดับราคาในการลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนองเหลือ 0.01% รวมถึงมาตรการลดหย่อนภาษีให้กับกลุ่มผู้ซื้อบ้านเพิ่มเติมมากขึ้น

พลัส พร็อพเพอร์ตี้

นางสาวสุวรรณี มหณรงค์ชัย รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนากลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมตอบโจทย์ทุกบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า จากการสำรวจของ ฝ่ายวิจัยและพัฒนา พลัส พร็อพเพอร์ตี้ คาดว่า ไตรมาสที่ 4/2563 ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์จะยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับทั้งปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

ในช่วงครึ่งปีแรก 2563 ประกอบกับการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เข้มงวด ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2562 ส่งผลให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งแนวราบ และ แนวสูงต่างต้องปรับแผนธุรกิจ โดยการเลื่อนแผนการพัฒนาโครงการใหม่ออกไป และหันมาเร่งระบายอุปทานคงค้างในตลาด ด้วยการแข่งขันทางด้านราคา ในช่วงครึ่งปีแรก เพื่อรักษาสภาพคล่องของธุรกิจ

นอกจากนี้ ภาวะการแข่งขันในตลาดแนวราบ จะมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะ ในตลาดระดับราคาปานกลางอย่างเช่น ทาวน์โฮม เนื่องด้วยผู้ประกอบการเล็งเห็นว่า กำลังซื้อของผู้บริโภคในขณะนี้ มีทีท่าลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ จึงจำเป็นต้องพัฒนาสินค้าออกมา ในราคาถูกลงเพื่อเข้าถึงผู้ซื้อได้มากขึ้น

สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯ ช่วงครึ่งปีแรก ยอดขายโดยรวมลดลง ในส่วนของบ้านเดี่ยวพบว่า อุปทานเสนอขายรวมมีจำนวนทั้งสิ้น 14,082 ยูนิต ลดลง 8% อุปสงค์มีจำนวนทั้งสิ้น 5,115 ยูนิต ลดลง 4% คิดเป็นอัตราการขายเท่ากับ 36% ขณะที่ทาวน์โฮมมีอุปทานเสนอขายรวมที่ 31,211 ยูนิต ลดลง 6%

ในขณะที่อุปสงค์มีจำนวนทั้งสิ้น 12,248 ยูนิต ลดลง 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า คิดเป็นอัตราการขายเท่ากับ 39% และคอนโดมิเนียม มีอุปทานเสนอขายรวมลดลง 8% หรือมีจำนวนทั้งสิ้น 104,094 ยูนิต ในขณะที่อุปสงค์ลดลง 28% หรือเกิดขึ้นเพียง 17,074 ยูนิต คิดเป็นอัตราการขายเท่ากับ 16%

จากตัวเลขดังกล่าว พบว่า โครงการแนวราบได้รับการตอบรับที่ดีกว่าโครงการแนวสูง ทำให้ช่วงปลายปีเราจะเห็นการนำเสนอสินค้าที่เจาะไปยังกลุ่มตลาดแนวราบมากขึ้น

พลัส พร็อพเพอร์ตี้

จากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน คาดว่า การฟื้นตัวของภาคอสังหาฯ จะขึ้นอยู่กับการบรรเทาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สภาวะเศรษฐกิจ และตลาดอสังหาฯ ให้กลับมาอยู่ในสภาวะปกติ รวมทั้งเรื่องสถานการณ์ทางการเมือง ก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม เพื่อประเมินสถานการณ์เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เหลือของปีนี้มองว่า ตลาดแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม จะยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนตลาดต่อไป โดยมองว่า ผู้ประกอบการ จะปรับตัวไปเปิดโครงการ ที่ตอบโจทย์กลุ่มเรียลดีมานด์มากขึ้น ส่วนทาวน์โฮมมองว่า น่าจะมีกำลังซื้อจากกลุ่มผู้บริโภค ที่เปลี่ยนใจจากคอนโดมิเนียม มาเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ เนื่องจากการเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ หลังจากการระบาดของโควิด–19 รวมถึงได้อานิสงส์จากรถไฟฟ้าหลายเส้นทาง ที่จะเปิดให้บริการเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี ที่จะทำให้เกิดการเชื่อมต่อของการเดินทางที่สะดวกขึ้น

ส่วนทำเลที่มีความโดดเด่นน่าจับตา คือ ย่านกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ เนื่องจากเป็นทำเลเปิดใหม่ และมีถนนทางเชื่อมการเดินทางเข้าสู่พื้นที่รามคำแหง พระราม 9 อีกทั้ง ยังสามารถเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิได้สะดวกรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่บริเวณบางนาซึ่งได้รับปัจจัยบวก จากโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และ บริเวณรามอินทรา รวมไปถึงทำเลแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย และ แนวรอบนอกวงแหวนซึ่งสามารถเดินทางเข้าเมืองได้สะดวกเนื่องจากมีทางเชื่อมพิเศษเข้าสู่เมือง

“อย่างไรก็ตาม ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ หากตลาดอสังหาฯ ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาก็น่าจะเป็นโอกาสให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและมีการกระจายรายได้ขึ้นมา และหากมีมาตรการมาช่วยกระตุ้นกำลังซื้อหรือแบ่งเบาภาระของผู้ซื้อ จะเป็นผลบวกต่อตลาดอย่างมีนัยสำคัญ อาทิ ขยายการลดการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนองให้เหลือ 0.01% ให้ครอบคลุมทุกระดับราคา จากปัจจุบันกำหนดอยู่ที่ไม่เกิน 3 ล้านบาท ตลอดจนมาตรการดอกเบี้ยพิเศษคงที่ รวมทั้งหากมีมาตรการจูงใจด้านการลดหย่อนภาษี เช่น โครงการบ้านหลังแรก ก็น่าจะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของกลุ่มผู้บริโภคในวงกว้างได้มากขึ้น” นางสาวสุวรรณี กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK