นับเป็นอีกหนึ่งเมกะโปรเจคฝีมือคนไทย สำหรับโครงการ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ โดยการดำเนินของบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) และถือได้ว่าเป็นอภิมหาโครงการที่วางงบลงทุนสูงกว่า 20,000 ล้านบาท (ประมาณ 670 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อพัฒนา 9 เกาะของมัลดีฟส์ แบ่งออกเป็น 2 เฟส ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายใน 5 ปีจากนี้
ล่าสุด บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ได้เปิดตัวโครงการ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ เฟสแรก ใน 2 เกาะ อย่างยิ่งใหญ่ โดยใช้งบลงทุนกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งอยู่ ณ บริเวณเอ็มบูดู ลากูน ซึ่งถือว่าเป็นโครงการสำหรับการพักผ่อนและไลฟ์สไตล์ครบวงจรขนาดใหญ่ที่สุดแห่งแรกในมัลดีฟส์ จะเป็นตัวช่วยสร้างจุดยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดนักเดินทางกลุ่มใหม่ๆ ทั้งในและนอกประเทศ
นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานกรรมการ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการครอสโร้ดส์ ถือได้ว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์และเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของบริษัท ซึ่งวันนี้ถือว่าบรรลุเป้าหมายสำคัญ ด้วยการเปิดตัวจุดหมายปลายทางสำหรับการพักผ่อนและสันทนาการครบวงจรขนาดใหญ่ที่สุดแห่งแรกในมัลดีฟส์ ที่จะเป็นตัวดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีการเติบโตสูงอย่าง จีน อินเดีย และตะวันออกกลาง รวมทั้งนักเดินทางกลุ่มครอบครัวและคนท้องถิ่นให้มาเปิดประสบการณ์รูปแบบใหม่
“นับเป็นการสร้างนิยามใหม่ของการพักผ่อนในประเทศมัลดีฟส์และภูมิภาคในแถบมหาสมุทรอินเดีย โดยที่เราไม่ละทิ้งความสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการอนุรักษ์ซึ่งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม ของประเทศมัลดีฟส์”นายจุตินันท์กล่าว
ด้านนายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า นอกเหนือจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศมัลดีฟส์แล้ว “ครอสโร้ดส์” ยังยึดมั่นในปรัชญาการดำเนินงานที่เน้นการ ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และสร้างความสมดุลระหว่างธุรกิจ ชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยตลอดการก่อสร้างโครงการ เราดูแลชุมชนและสิ่งแวดล้อมรอบข้างให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
“ความสมดุลทางธรรมชาติคือหัวใจสำคัญและการคงไว้ซึ่งความสมดุลคือเป้าหมายหลักของ สิงห์ เอสเตท โครงการสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ทั้งหมดถูกทำขึ้นที่ประเทศไทยและใส่ตู้คอนเทนเนอร์ยักษ์โดยเรือมายังมัลดีฟส์ เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับปะการังและสัตว์น้ำ นอกจากนี้ ‘ครอสโร้ดส์’ ยังมี 8 สิ่งมหัศจรรย์ใต้น้ำของมัลดีฟส์ ให้ผู้มาเยือนได้ชม อาทิ หมู่บ้านปะการัง รูปปั้นแกะสลักปลาทูน่า จุดชมวิวพระอาทิตย์ตก และหุบเขาเอ็มบูดู เป็นต้น” นายนริศ กล่าว
ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ประเทศมัลดีฟส์มียอดตัวเลขนักท่องเที่ยวภายในครึ่งปีแรกแตะหนึ่งล้านคนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2553 ตัวเลขนี้บ่งชี้ให้เห็นถึงการเติบโตด้านการท่องเที่ยวที่มียังมีศักยภาพอีกมาก
สำหรับเกาะแรก จะเป็นที่ตั้งของศูนย์กลางโครงการฯ พื้นที่สำหรับความบันเทิงและร้านค้าปลีกขนาด 11,000 ตารางเมตร ภายใต้ชื่อ “เดอะ มารีน่า แอท ครอสโร้ดส์” ด้วยระยะทางที่ใกล้กับเมืองหลวง แหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้จะกลายเป็นจุดแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างชนชาวเกาะและผู้มาเยือน โดยจะมีทั้งโซนช้อปปิ้งหลากหลายแบรนด์ ร้านอาหารสุดหรู ศูนย์ประชุมอันทันสมัย และกีฬาทางน้ำและศูนย์ดำน้ำ
นอกจากนี้ยังมีส่วนของ โรงแรมซาย ลากูน มัลดีฟส์ คูริโอ คอลเล็กชั่น บาย ฮิลตัน รวมทั้งเป็นที่ตั้งของ Maldives Discovery Centre ศูนย์เรียนรู้เชิงวัฒนธรรม ที่จะมีพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะ งานฝีมือ และวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น ให้ความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ พร้อมโซนเล่นเกมแบบอินเตอร์แอคทีฟสำหรับเด็ก และศูนย์อนุรักษ์ปะการัง และการทำแปลงอนุบาลปะการังในพื้นที่ทางทะเลที่ครอบคลุมบริเวณกว่า 64,000 ตารางเมตร
ขณะที่เกาะที่สองเป็นที่ตั้งของ โรงแรมฮาร์ด ร็อค โฮเทล มัลดีฟส์ พัฒนาและดูแลโดย เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท พร้อมมอบประสบการณ์ซิกเนเจอร์ของ ฮาร์ด ร็อค ด้วยบรรยากาศการพักผ่อนเคล้าดนตรีที่สามารถจดจำสไตล์ของแขกที่มาพัก และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันสำหรับทุกวัย โรงแรมฮาร์ด ร็อค โฮเทล มัลดีฟส์ ยังถือเป็นสาขาแรกที่มัลดีฟส์ของแบรนด์ ฮาร์ด ร็อค อีกด้วย
