หลังจากเปิดดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านมายาวนานถึง 58 ปี และได้ “มนู ตระกูลวัฒนะกิจ” เข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน โฮม จำกัด ครบ 1 ปี วันนี้ ซีคอนโฮมค้นพบแล้วว่า ควรโฟกัสเฉพาะแบรนด์ซีคอนโฮมเพียงแบรนด์เดียว จึงตัดสินใจเลิกทำตลาดแบรนด์ คอมแพค และ บัดเจ็ต ในปีที่ผ่านมา รวมทั้งมีแผนขยายสาขาใหม่รองรับการเติบโตของเมือง
นายมนู ตระกูลวัฒนะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน โฮม จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการครบ 1 ปี ได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการทำงานในองค์กรเพื่อให้สอดรับกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะการรีแบรนด์ใหม่ จากเดิมที่แตกแบรนด์รับสร้างบ้านในเครือออกเป็น 3 แบรนด์ ได้แก่ ซีคอนโฮม รับสร้างบ้านราคา 6 – 30 ล้านบาท, แบรนด์คอมแพค สร้างบ้านราคา 3-8 ล้านบาท และบัดเจ็ต บ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท โดยจากนี้จะเหลือแบรนด์ซีคอนโฮมเพียงแบรนด์เดียว
“การแตกแบรนด์เป็น 3 แบรนด์ เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน แต่หลังจากดำเนินการมา 8 ปี เราพบว่า แม้ลูกค้าจะสร้างบ้านกับคอมแพค หรือบัดเจ็ต แต่ก็ยังบอกต่ออย่างภูมิใจว่า สร้างบ้านกับซีคอนโฮม สะท้อนให้เห็นความแข็งแกร่งของแบรนด์ซีคอนโฮมที่มีอยู่แล้ว อีกอย่างบริษัทเราไม่ได้มีรายได้ปีละเป็นหมื่นล้าน จึงไม่จำเป็นต้องมีหลายแบรนด์ การลดเหลือแบรนด์ที่แข็งแกร่งเพียงแบรนด์เดียวจะทำให้เราโฟกัสการทำตลาดได้ดีขึ้นและยังลดต้นทุนการใช้ทรัพยากรอีกด้วย”นายมนูกล่าว
ขณะที่แผนงานในปีนี้ บริษัทจะเดินหน้าทำตลาดเชิงรุกต่อเนื่อง หลังจากเห็นการเติบโตที่ดีในปี 2561 ที่ตั้งเป้ารายได้ 1,200 ล้านบาทแต่สามารถทำยอดขายได้ถึง 1,300 ล้านบาท จากรายได้ 1,000 ล้านบาทในปี 2560 ดังนั้นปีนี้จึงวางเป้าหมายรายได้เติบโต 20% หรือมียอดขายเพิ่มเป็น 1,600 ล้านบาท
การตั้งเป้าเติบโตถึง 20% ในภาวะที่ธุรกิจรับสร้างบ้านเป็นธุรกิจเรียลดีมานด์ที่มักเติบโตล้อไปกับภาพรวมเศรษฐกิจ จึงถือว่าเป็นความท้าทายไม่น้อย เพราะถือได้ว่าเป็นเป้าการเติบโตที่สูงสุดนับแต่ก่อตั้งบริษัทมา แต่ กรรมการผู้จัดการ ซีคอนโฮม มั่นใจว่าทำได้ เนื่องจากครึ่งปีแรก กวาดยอดขายมาตุนไว้แล้ว 650 ล้านบาท และคาดว่าครึ่งปีหลังจะทำได้อีก 950 ล้านไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็น เพราะส่วนใหญ่ซีซั่นการรับสร้างบ้านจะอยู่ที่ครึ่งปีหลัง
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนขยายสาขาใหม่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตของชุมชน จากปัจจุบันมี 5 สาขาในกรุงเทพ โดยปีหน้าคาดว่าจะขยายสาขาเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 3 สาขา แบ่งเป็น สาขาราชพฤกษ์ที่ย้ายทำเลใหม่, สาขางามวงศ์วาน และสาขาชลบุรี เพื่อรองรับการเติบโตของอีอีซี รวมทั้งมีแผนขยายสาขาในระยะ 200 กิโลเมตรรอบกรุงเทพให้ครบ 4 ทิศในอนาคตอีกด้วย
นายมนูยังกล่าวถึงมาตรการแอลทีวีใหม่เพื่อควบคุมอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐว่า ไม่มีผลกระทบกับธุรกิจรับสร้างบ้านมากนัก เนื่องจากลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้านส่วนใหญ่จะมีที่ดินเป็นของตัวเองอยู่แล้ว แต่จะได้รับผลกระทบจากภาษีที่ดินที่คาดว่าจะประกาศใช้ปีหน้ามากกว่า อย่างไรก็ตามยังมองแง่บวกว่า ภาษีที่ดินอาจส่งผลให้ผู้ที่มีที่ดินตัดสินใจสร้างบ้านเร็วขึ้น
ในปีนี้ ซีคอนโฮมยังรุกทำกิจกรรมการตลาดเพิ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่งเพื่อตอกย้ำแบรนด์ซีคอนโฮมและกระตุ้นการตัดสินใจสร้างบ้าน ด้วยการออกบูธร่วมงานอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ๆ เช่น งานบ้านและสวน รวมถึงจัดบูธย่อยในห้างสรรพสินค้าทั่วไป และเน้นจุดขาย “You Dream…We Build สร้างได้อย่างที่ฝัน” ชูความหลากหลายของแบบบ้านกว่า 200 แบบครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย พร้อมทั้งเตรียมเปิดตัวแบบบ้านรุ่นพิเศษฉลอง 58 ปี ซีคอน โฮมอีกด้วย
พร้อมกันนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการทำตลาดดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ อาทิ Facebook, Instagram และ Twitter ให้มากขึ้น พร้อมนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้เพื่อร่นระยะเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ อาทิ การใช้จอแสดงผล Touchscreen ในการนำเสนอแบบบ้าน โดยลูกค้าสามารถเลือกแบบบ้าน พร้อมปรับแบบตามความต้องการได้ในเบื้องต้น หรือในขั้นตอนการคิดมูลค่าของทีมประมาณการราคา ซึ่งช่วยให้ทราบราคาที่เปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
“เราออกภาพยนตร์โฆษณา 3 เรื่อง เพื่อตอกย้ำจุดแข็งของซีคอนโฮม ในเรื่อง ความแข็งแรง ทนทาน, สามารถควบคุมระยะเวลาการก่อสร้างได้ตามกำหนด และ ควบคุมงบประมาณไม่ให้บานปลาย ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่ลูกค้าหรือผู้ที่ต้องการสร้างบ้านให้ความสำคัญ
นายมนู ปิดท้ายฝากถึงรัฐบาลชุดใหม่ว่า อยากให้เข้ามาแก้ปัญหาใน 2 เรื่องหลัก คือ การยกเลิกภาษีสินค้านำเข้าที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้เหลือ 0% และการลดความยุ่งยากหรือขั้นตอนในการเคลื่อนย้ายแรงงาน พร้อมทั้งพิจารณาเรื่องค่าแรงอย่างรอบคอบ เนื่องจากการขึ้นค่าแรงงานมีผลกระทบต่อภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างมาก
