Economics

YLG มองครึ่งปีหลัง ‘ราคาทองคำ’ ขาลง! แนะหาโอกาสซื้อสะสมทำกำไร

YLG เผยครึ่งปีแรกธนาคารกลางทั่วโลกสำรองทองคำเพิ่ม 270 ตัน สะท้อนความต้องการทองธนาคารกลางทั่วโลกยังเป็นบวก มองช่วงครึ่งปีหลัง “ทองคำ” เป็นขาลง แนะรอจังหวะสะสม

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า สภาทองคำโลก (Wolrld Gold Council) ได้เปิดเผยข้อมูลว่า ครึ่งแรกของปี 2565 ตลาดทองคำมีความต้องการทางกายภาพที่แข็งแกร่งโดยมีจำนวนทั้งสิ้น 2,189 ตัน เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปีที่แล้ว

ราคาทองคำ

สำรองทองคำเพิ่มขึ้น 270 ตัน

ทั้งนี้ แม้ว่าความต้องการทองคำจะชะลอตัวในไตรมาสที่ 2 แต่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่คงอยู่ควบคู่ไปกับความไม่แน่นอนของตลาดที่เพิ่มขึ้นจะช่วยหนุนราคาทองคำในช่วงที่เหลือของปี แม้ว่าการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐจะทำหน้าที่เป็นอุปสรรคสำคัญของทองคำ

อย่างไรก็ดี ในจำนวนนี้พบว่า ธนาคารกลางทั่วโลกได้ทำการสำรองทองคำเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกถึง 270 ตัน การเข้าซื้อในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้นำโดยตุรกีที่ถือครองทองคำเพิ่ม 63 ตัน ตามมาด้วยอียิปต์ 44 ตัน อิรัก 34 ตัน และอินเดีย 15 ตัน ซึ่งเป็นความต่อเนื่องของการซื้อที่แข็งแกร่งที่ต่อเนื่องจากเมื่อปีที่แล้ว และสภาพทองคำโลกได้คาดว่าทั้งปี ความต้องการของธนาคารกลางในปี 2565 จะเท่ากับระดับเดียวกับปี 2564

สำหรับการสำรองทองคำเฉพาะในไตรมาส 2/2565 การซื้อสุทธิของธนาคารกลางทั่วโลกอยู่ที่ 180 ตัน เฉพาะเดือนมิถุนายนพบว่า ธนาคารกลางทั่วโลกได้ซื้อทองคำสำรองสุทธิ 59 ตัน ซึ่งถือเป็นเดือนแรกของปีนี้ที่ไม่พบรายงานยอดขาย ขณะที่ธนาคารกลางอิรักเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุดในเดือนมิถุนายน โดยเพิ่มทองคำสำรอง 34 ตัน นี่เป็นการเพิ่มครั้งแรกของอิรักตั้งแต่เดือนกันยายน 2561 ตามด้วย อุซเบกิสถาน 9 ตัน ตุรกี 8 ตัน คาซัคสถาน 4 ตัน และอินเดีย 4 ตัน

ราคาทองคำ

สัญญาณความต้องการทองคำยังเป็นบวก

นอกจากนี้ยังพบว่าผลสำรวจ Central Bank Gold Survey 2022 ของ สภาทองคำโลก และ YouGov พบว่า ธนาคารกลาง 25% คาดว่าจะเพิ่มการถือครองทองคำของตน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสัดส่วน 21% ในผลสำรวจปีที่แล้ว และที่สำคัญ คือ “ไม่มี” ธนาคารกลางใดวางแผนที่จะลดทองคำสำรองในอีก 12 เดือนข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสัญญาณทองคำในช่วงครึ่งปีหลังมีลักษณะแกว่งตัวในทิศทางลง แต่ YLG มองว่าระยะยาวยังมีโอกาสแข็งแกร่ง เนื่องจากสัญญาณความต้องการของธนาคารกลางทั่วโลกยังเป็นบวก ส่วนหนึ่งมองว่าเพื่อรักษาค่าเงินรวมถึงสถานการณ์ความไม่สงบจากความขัดแย้งของจีน-สหรัฐ กรณีเยือนเกาะไต้หวัน ยังต้องจับตามอง จึงทำให้นักลงทุนยังให้น้ำหนักกับการเข้าซื้อทองคำ

ราคาทองคำ

ทั้งนี้ จะเห็นได้จากความต้องการทองคำในภาคการลงทุน ETF ทองคำที่แข็งแกร่ง ผลักดันความต้องการทองคำในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ทำสถิติเป็นครึ่งปีแรกที่แข็งแกร่งเป็นอันดับ 3 นับตั้งแต่ปี 2553 โดย ETF ทองคำทั่วโลกมีการถือครองทองคำเพิ่มขึ้น 272.7 ตันในไตรมาส 1 ของปี 2565 แม้จะเกิดการไหลออกของเงินทุนราว 39 ตันในไตรมาส 2 แต่โดยรวมแล้วความต้องการทองคำในภาคการลงทุน ETF ทองคำในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ยังคงเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกของปี 2564 ถึง 35% ส่วนความต้องการทองคำในภาคการลงทุนทองคำแท่งและเหรียญในไตรมาส 2 ของปีทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้าโดยอยู่ที่ระดับ 244.5 ตัน

ราคาทองคำ

วายแอลจี แนะนำนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำระยะสั้น แนะนำเล่นรอบโดยเปิดสถานะขายทำกำไรระยะสั้นเมื่อราคาดีดตัวขึ้นไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,731-1,746 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (สถานะขายตัดขาดทุนหากราคาผ่าน 1,746 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้) ดูบริเวณแนวรับ 1,711-1,697 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่หลุดสามารถปิดสถานะขายเพื่อทำกำไร ส่วนทองคำในประเทศคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 29,350-30,200 บาทต่อบาททองคำ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK