รัฐบาล ทุ่มอีก 2.2 ล้านล้าน หลัง ‘อีอีซี’ ระยะแรก เติบโตทุกมิติ ตั้ง 5 เป้าหมายใหญ่ ไทยหลุดพ้นประเทศรายได้ปานกลาง
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า วานนี้ (15 ส.ค. 65) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 4/2565 (ผ่านระบบ Video Conference) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลัง เข้าร่วมด้วย สรุปสาระสำคัญดังนี้
มุ่งเป้า ไทยหลุดพ้นจาก ประเทศรายได้ปานกลาง
นายกรัฐมนตรีแสดงความพอใจต่อผลสำเร็จของการดำเนินการโครงการ EEC ขณะนี้มีความก้าวหน้าอย่างมากและเป็นไปตามเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาล ในการที่จะทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากรายได้ปานกลาง และยกระดับความเป็นอยู่ให้ประชาชนทุกกลุ่มในพื้นที่ EEC มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ในภาพรวมจะเกิดความสำเร็จ แต่ก็ต้องให้ความสำคัญไปถึงประชาชนกลุ่มอื่น ๆ ของประเทศให้ได้รับประโยชน์จากการดำเนินการโครงการ EEC รวมถึงการทำให้เกิดการเชื่อมโยง Connectivity โครงสร้างพื้นฐานและคมนาคมอย่างเป็นระบบ ให้เกิดการเจริญเติบโตไปสู่ทุกภาคของประเทศไทยและเชื่อมต่อไปยังประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคด้วย
โดยนายกรัฐมนตรีย้ำให้ช่วยกันดำเนินการด้วยความระมัดระวัง รอบคอบ ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในอนาคต และเพื่อให้การดำเนินโครงการต่าง ๆ ของ EEC สามารถเดินหน้าขับเคลื่อนต่อไปได้ตามแผนที่กำหนดไว้
ระยะแรก ปี 2561 – 2565 เติบโตทุกมิติ
ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าผลการดำเนินงานของอีอีซี ในช่วง 4 ปีแรก (2561 – 2565) ซึ่งเกิดการเติบโตที่ดีครบทุกมิติ และเกิดผลประโยชน์ตรงถึงประชาชนทุกกลุ่ม ได้แก่
- เกิดการอนุมัติงบลงทุนสูงถึง 1.8 ล้านล้านบาท เกินเป้าหมาย 1.7 ล้านล้านบาทใน 5 ปีที่เป็นแผนแรกของอีอีซี
- สามารถดึงเทคโนโลยีใหม่ผ่านการลงทุน โดย 4 ปีที่ผ่านมา การอนุมัติการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10 S-curve มีสัดส่วน 70% ของการส่งเสริมการลงทุนทั้งหมด และ 5 New S-Curve มีสัดส่วนการลงทุน 36% และเพิ่มขึ้นเป็น 49% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 นี้
- สร้างระบบการพัฒนาบุคลากรตามความต้องการของตลาด (Demand Driven) แก้ปัญหาขาดแคลนบุคลากรที่ทำงานกับนวัตกรรมใหม่ อบรมไปได้แล้ว 16,114 คน สิ้นปี 66 จะดำเนินการได้ 100,000 คน และ
- ผลประโยชน์ตกถึงประชาชน และมีระบบดูแลอย่างยั่งยืน ได้แก่
- ผลประโยชน์ทางตรง โครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ระบบสาธารณสุขทันสมัย สาธารณูปโภค (น้ำ ไฟฟ้า ขยะ) ทันสมัยเพียงพอ มีโอกาสมีงานทำ รายได้ดี
- การพัฒนาตรงถึงประชาชน พัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ยกระดับคุณภาพชีวิต บูรณาการการลงทุนในชุมชน ผ่านแผนเกษตร แผนพัฒนาเชิงพื้นที่ Neo Pattaya-บ้านฉาง-บ้านอำเภอ-มาบตาพุด-ระยอง
- โครงการลงถึงระดับชุมชน เกิดการมีส่วนร่วมทั้งพลังสตรีดูแลสิ่งแวดล้อม อีอีซีสแควร์ บัณฑิตอาสา เยาวชนต้นแบบ โครงการต้นแบบสวนภาษาอังกฤษ และจีน หลักสูตรอีอีซีกับการบริหาร อปท.
- โครงการสินเชื่อพ่อค้า-แม่ขาย และ SMEs หลังสถานการณ์โควิด กับ 9 สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (ปล่อยไปแล้ว 51,420 ราย เป็นสินเชื่อ 34,548 ล้านบาท)
เป้าหมายการดำนินงาน 5 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังรับทราบถึงแนวทางการดำเนินงานใน 5 ปีข้างหน้าของ EEC บนพื้นฐาน ก้าวกระโดดใน 5 ปีข้างหน้า (2566-70) ในด้านต่าง ๆ ได้แก่
- 5G ของไทยเร็วที่สุด ครอบคลุมมากที่สุดในอาเซียน นำหน้าประเทศอื่น ๆ ประมาณ 2 ปีทำให้บริษัทชั้นนำด้านดิจิตัล หันมาลงทุนใน EEC อนาคตจะเป็นธุรกิจไม่น้อยกว่า 100,000 ล้านบาทต่อปี
- EV นโยบาย EV ของรัฐบาลไทยนำหน้าประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยตั้งใจจะเป็น Hub การผลิตของอาเซียนต่อไป ทำให้บริษัทรถยนต์ที่ตั้งใจจะผลิต EV เข้มาลงทุนใน EEC รวมทั้งธุรกิจแบตเตอรี ระบบไฟฟ้า และชิ้นส่วนรถ EV
- เทคโนโลยีการแพทย์ และ Wellness การที่ EEC ได้จัดระบบสาธารณสุขและการแพทย์ลงตัว โดยแบ่งงานกันทำทั้งในภาครัฐและเอกชน รวมทั้งการเปิดฉากการพัฒนาการแพทย์สมัยใหม่ทั้ง จีโนมิกส์ และ Digital Hospital ทำให้มีความสนใจการลงทุนทางการรักษาพยาบาลระดับสูง ระบบที่เชื่อมโยงดังกล่าวจะนำไปสู่เครือข่ายธุรกิจ Wellness ทั้ง รพ.ชั้นนำ เวชสำอาง ศูนย์พักฟื้น ธุรกิจโรงแรมเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และการแพทย์ อุตสาหกรรมยา อุปกรณ์การแพทย์
- ศูนย์นวัตกรรมสำคัญ เริ่มดำเนินการ ได้แก่ EECi เสร็จระยะแรก กำลังทำหน้าที่เป็นศูนย์วิจัย พัฒนา และถ่ายทอดความรู้ เกษตร ดิจิทัล หุ่นยนต์ โดรน EV แบตเตอรี EECd ส่วน Digital Valley เปิดดำเนินการแล้ว และจะรับการลงทุน DATA Center แรกปลายปี 65 และ
- โครงสร้างพื้นฐาน 4 โครงการหลัก เข้าสู่ช่วงการก่อสร้างปลายปีนี้ และจะแล้วเสร็จในปี 2568- 2569 ซึ่งจะทำให้ EEC ก้าวเข้าสู่ระยะการขยายตัวที่สำคัญในปี 2569 เป็นต้นไป
ลงทุนปีละ 4-5 แสนล้าน รวม 2.2 ล้านล้านบาท
สำหรับอีอีซี ในช่วง 5 ปีต่อไป (2566-70) คือเป้าหมายการลงทุน 2.2 ล้านล้านบาท (2566-70) โดยจะมีเงินลงทุนประมาณปีละ 400,000-500,000 ล้านบาท และ EEC น่าจะขยายตัวได้ 7-9% ต่อปี ทำให้ประเทศไทยขยายตัวได้ประมาณ 5% ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป
ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรี เน้นย้ำให้มีการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวไปสู่หน่วยงานต่าง ๆ และประชาชนทุกภาคส่วนในสังคมได้รับทราบด้วย เพื่อทุกฝ่ายจะได้รับทราบถึงการดำเนินงานดังกล่าวของรัฐบาล ในการเตรียมการประเทศสู่อนาคตในทุกมิติ เพื่อให้ประเทศหลุดพ้นจากประเทศรายได้ปานกลาง และทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดี ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในเวทีโลก
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ส่อง ‘ราคาประเมินที่ดิน’ ปี 66 ‘3 จังหวัดอีอีซี’ ขลบุรีพุ่ง 42.83% ถนนเลียบหาดพัทยา แพงสุด
- บอร์ดบีโอไอ เคาะ ส่งเสริมลงทุน 4 โครงการ กว่า 2 แสนล้าน
- หุ้นสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า รับข่าวดี ‘บีโอไอ’ ยกเว้นภาษีสูงสุด 5 ปี