Economics

คลังเผยโควิดระบาดหนัก ฉุดเศรษฐกิจเดือนพ.ค.ร่วง

คลังเผยเศรษฐกิจไทยในเดือนพฤษภาคม 2564 ส่งสัญญาณชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า อันเป็นผลกระทบต่อเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นในเดือนเมษายน 2564 

นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนพฤษภาคม 2564 ว่าเศรษฐกิจไทยในเดือนพฤษภาคม 2564 ส่งสัญญาณชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า อันเป็นผลกระทบต่อเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นในเดือนเมษายน 2564 แต่ยังคงขยายตัวได้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวต่อเนื่องในอัตราที่สูง

เศรษฐกิจเดือนพ.ค.

เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน ส่งสัญญาณขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยปริมาณจำหน่ายรถยนต์และปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนพฤษภาคม 2564 ขยายตัวที่ร้อยละ 32.7 และ 41.1 ต่อปี ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยฐานต่ำในปีก่อน แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -7.6 และ -18.2 สอดคล้องกับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ขยายตัวร้อยละ 11.3 ต่อปี แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -12.1

ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลงมาที่ระดับ 44.7 จากระดับ 46.0 ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นในเดือนเมษายน 2564

แม้ว่ามาตรการของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการเราชนะ และโครงการม33 เรารักกัน จะสามารถพยุงกำลังซื้อได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ดี การบริโภคเอกชน ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากรายได้เกษตรกรที่แท้จริงที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 12.5 ต่อปี

เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน ส่งสัญญาณขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุนขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 33.6 ต่อปี (แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -1.2) สอดคล้องกับปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 40.6 ต่อปี (แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -5.5)

สำหรับการลงทุนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ขยายตัวร้อยละ 6.3 ต่อปี แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -2.4 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ที่เริ่มมีการค้นพบผู้ติดเชื้อใน Cluster แคมป์คนงานก่อสร้างหลายแห่ง ขณะที่ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวเล็กน้อยที่ร้อยละ 2.8 ต่อปี แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -5.6

คลัง

มูลค่าการส่งออกสินค้า ขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ 23,057.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นอัตราการขยายตัวที่ร้อยละ 41.6 ต่อปี ซึ่งเป็นการขยายตัวที่สูงสุดในรอบ 11 ปี นอกจากนี้เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 45.9 ต่อปี โดยสินค้าที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่

  • สินค้าเกษตรและอาหาร โดยเฉพาะ ยางพารา ผักและผลไม้ และเครื่องปรุงรส ขยายตัวร้อยละ 99.2 31.9 และ 25.1 ต่อปี ตามลำดับ
  • สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน (Work from Home) อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ภายในบ้าน อาทิ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ตู้เย็นและตู้แช่แข็ง เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ
  • สินค้าที่เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด เช่น เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ และถุงมือยาง ที่ยังคงมีคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง
  • กลุ่มสินค้าเกี่ยวเนื่องกับภาคการผลิตที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว

เช่น เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก แผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น และ 5) สินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่ไม่รวมทองคำขยายตัวร้อยละ 170.3 และ 113.3 ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ตลาดคู่ค้าหลักของไทยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในเกือบทุกตลาด โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดหลัก ได้แก่ อินเดีย สหภาพยุโรป อาเซียน-9 และสหรัฐฯ ที่ขยายตัวที่ร้อยละ 243.8 63.2 49.1 และ 44.9 ต่อปี ตามลำดับ

เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน ส่งสัญญาณขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน  โดยภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ในเดือนพฤษภาคม 2564 ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 25.8 ต่อปี และขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 2.1 ตามการเพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมในหมวดยานยนต์ การผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 82.3 จากระดับ 84.3 ในเดือนเมษายน 2564 เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ในเดือนเมษายน 2564

ในขณะที่ภาคเกษตรยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ขยายตัวที่ร้อยละ 0.6 ต่อปี และขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 5.6 จากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตสำคัญ อาทิ ข้าวโพด ยางพารา และมันสำปะหลัง

สำหรับบริการด้านการท่องเที่ยว พบว่า ในเดือนพฤษภาคม 2564 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประเภทพิเศษ (Special Tourist Visa: STV) รวมถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มสิทธิพิเศษ (Thailand Privilege Card) และนักธุรกิจ จำนวน 6,052 คน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี และอาเซียน ขณะที่การท่องเที่ยวภายในประเทศ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยขยายตัวร้อยละ 140.2 ต่อปี ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยฐานต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อน

เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี แม้ว่าระดับราคาสินค้าจะมีราคาสูงขึ้น สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 2.4 ต่อปี และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 0.5 ต่อปี

ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2564 อยู่ที่ร้อยละ 54.9 ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561

ส่วนเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับมั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2564 อยู่ในระดับสูงที่ 251.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

อ่านข่าวเพิ่มเติม:

Avatar photo