Economics

ฟันธง! ส่งออกไทยปีหน้าขยายตัวในแดนบวก แต่ยังต้องรับศึกหนัก

ส่งออก ไทยปี 2564 “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” มองยังต้องเผชิญความไม่แน่นอนอีกหลายอย่าง แม้จะมีความหวังเรื่องการพัฒนา “วัคซีน” คาดขยายตัว 3%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ส่งออก ไทยเดือน พฤศจิกายน 2563 ส่งสัญญาณดีขึ้น หดตัวลดลงมาอยู่ที่ -3.65% YoY จากเดือน ตุลาคม 2563 ซึ่งหดตัวที่ -6.71% YoY และเมื่อหักสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และอาวุธฯ การส่งออกมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยอยู่ที่ -2.09% YoY

ทั้งนี้ การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมในเดือน พฤศจิกายน 2563 หดตัวลดลงอยู่ที่ -2.9% YoY สินค้าประเภทรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ พลิกกลับมาขยายตัวเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 9 เดือน สินค้าที่เกี่ยวกับการทำงานที่บ้าน และ เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อ และ แพร่ระบาดยังคงขยายตัวดีต่อเนื่อง

สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรในเดือน พฤศจิกายน 2563 ก็หดตัวลดลงเช่นกันอยู่ที่ -2.4% YoY ซึ่งได้รับแรงหนุนหลักจากการส่งออกสินค้าเกษตรหลายตัวที่พลิกกลับมาเป็นบวก เช่น ข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และ ยางพารา

ส่งออก

“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ประเมิน การ ส่งออก ของไทยในปี 2564 ยังต้องเผชิญความไม่แน่นอนอีกหลายอย่าง ซึ่งแม้ว่าจะมีความหวังมากขึ้นในเรื่องการพัฒนาวัคซีน แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ก็กลับมาเผชิญความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากการระบาดของโควิด-19 ที่เริ่มรุนแรงอีกครั้ง

โดยหลายประเทศในแถบยุโรป เริ่มมีคำสั่งให้ล็อกดาวน์ ส่งผลให้ความต้องการสินค้านำเข้าลดลง อีกทั้ง การส่งออกของไทย ยังได้รับแรงกดดันจากการขาดแคลนตู้สินค้า และ ค่าระวางเรือที่สูงขึ้น ขณะเดียวกัน การที่ไทยเข้าไปอยู่ในบัญชี Monitoring List ของกระทรวงการคลังสหรัฐ จะทำให้สถานการณ์การแข็งค่าเงินบาท เป็นโจทย์ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งแนวโน้มค่าเงินบาทที่แข็งค่าและ มีความผันผวนมากขึ้น ย่อมมีผลกระทบต่อการส่งออก ทั้งนี้ ท่ามกลางปัจจัยกดดันที่กล่าวมาข้างต้น

โดย “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ประเมินทิศทางการส่งออกไทยปี 2564 ว่าจะขยายตัวที่ 3.0%

ด้าน น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงสถิติการ ส่งออก ของประเทศในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2563 พบว่า การส่งออกยังคงติดลบอยู่ที่ 3.65% คิดเป็นมูลค่ากว่า 18,932.66 ล้านดอลลาร์ ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่า เดือนนี้น่าจะส่งออกมีมูลค่าเพียง 18,500 ล้านดอลลาร์
“การส่งออกที่ติดลบอยู่ในระดับดังกล่าวถือว่าเป็นที่น่าพอใจและเป็นไปตามทิศทางเศรษฐกิจการค้าโลกที่กำลังค่อยๆปรับฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากประเทศต่างๆทยอยผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางและการขนส่ง ส่งผลทำให้ภาคการผลิตเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ” น.ส.พิมพ์ชนก กล่าว

ส่งออก

นอกจากนี้ การดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินและการคลังในหลายประเทศเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องทำให้ความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น สินค้าส่งออกของไทยหลายรายการขยายตัวได้ดีสอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐและอีกหลายประเทศด้วยกัน

ทั้งนี้ การส่งออกในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ ยังติดลบอยู่ที่ 6.92% คิดเป็นมูลค่า 211,385.69 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่การนำเข้าช่วงเดือนพฤศจิกายนติดลบ 0.99% คิดเป็นมูลค่า 18,880.07 ล้านดอลลาร์ และการนำเข้าในช่วง 11 เดือนแรกของปีติดลบ 13.74% คิดเป็นมูลค่า 187,872.73 ล้านดอลลาร์ ทำให้ไทยยังเกินดุลการค้า 11 เดือนเพิ่มขึ้น 52.59% หรือคิดเป็นมูลค่า 23,512.96 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม สินค้าที่ยังขยายตัวได้ดียังคงเป็นสินค้าในกลุ่มอาหาร สินค้าที่เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เช่น ถุงมือยางที่ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องทำให้ความต้องการยางพาราในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นส่งผลดีกับราคายางพาราของไทยในช่วงนี้ แต่ก็ยังเจอปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นด้วย

ทั้งนี้ มองว่า การส่งออกในเดือน ธันวาคมนี้ มีมูลค่าเกิน 18,500 ล้านดอลลาร์ โอกาสที่การส่งออกของปี 63 จะติดลบเพียง 6.6% เท่านั้น และคาดว่าจากปัญหาโควิด-19 กลับมาระบาดใหม่ทั่วโลกรวมถึงไทยจะทำให้ส่งผลภาคการส่งออกในช่วงไตรมาสแรกปี 64 อาจจะไม่ดีนักเพราะจะทำให้การค้าไม่เต็มที โดยเฉพาะการค้าชายแดนที่ยังมีปัญหาอยู่มากต่อการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านของไทย

“เชื่อว่าจะฟื้นตัวได้ดีหลังจากมี วัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ในช่วงครึ่งปีหลังของปีหน้าได้ ซึ่งจะส่งผลให้การค้าของโลกกลับมาดีขึ้นและน่าจะทำให้การส่งออกของไทยกลับมาเป็นบวก 4% ได้” น.ส.พิมพ์ชนก กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo