ยืนยันตัวตน “คนละครึ่ง” ไม่ผ่าน มีวิธีแก้ไขได้ง่ายๆ เพียงมองหาตู้ ATM ธนาคารกรุงไทย
ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ของเมื่อวานนี้ (6 พ.ย. 63) ธนาคารกรุงไทย ได้เพิ่มตัวช่วยใหม่ สำหรับผู้ที่ยืนยันตัวตนโครงการ “คนละครึ่ง” ไม่ผ่าน
โดยประชาชนสามารถแก้ไขปัญหาได้เองง่ายๆ ที่ตู้ ATM ธนาคารกรุงไทย รุ่นใหม่สีเทา ไม่ต้องเดินทางไปยังสาขา
แก้ปัญหา ยืนยันตัวตน “คนละครึ่ง” ไม่ผ่าน
- เปิดแอพพลิเคชั่น Google Map แล้วพิมพ์ “ATM กรุงไทย ยืนยันตัวตน” เพื่อค้นหาตู้ ATM รุ่นใหม่สีเทาของธนาคารกรุงไทย ซึ่งสามารถยืนยันตัวตนได้ จากนั้นนำบัตรประชาชนไปทำรายการที่ตู้ ATM ใกล้เคียง
- เมื่อถึงตู้ ATM ธนาคารกรุงไทยแล้ว กดเลือกเมนู “ยืนยันตัวตน” โดยไม่ต้องใช้บัตร ATM
- จากนั้นกดยืนยัน “การเป็นเจ้าของบัตรประชาชน”
- กดยินยอมให้ “เปิดเผยข้อมูลพิสูจน์ตัวตน”
- เสียบบัตรประชาชนและรอให้ระบบตรวจสอบข้อมูลยืนยันตัวตน
- เมื่อระบบตรวจสอบเสร็จนำบัตรประชาชนออกและดำเนินการต่อบนแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง
สำหรับ คนละครึ่ง เป็นโครงการที่รัฐบาลช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการช่วยจ่ายค่าซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ในอัตรา 50% ผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง จำกัดสิทธิไม่เกิน 150 บาทต่อวัน สูงสุด 3,000 บาทตลอดโครงการ ผู้ลงทะเบียนสามารถใช้สิทธิได้ในเวลา 06.00-23.00 น.และไม่หักสิทธิหากใช้ไม่หมดในแต่ละวัน
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากการที่ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งครบ 10 ล้านคนแล้ว เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2563 โดยข้อมูลล่าสุดปรากฏว่ามีผู้ไม่ผ่านการตรวจสอบสิทธิและไม่เริ่มใช้สิทธิภายในกำหนด 14 วัน จึงได้มีการเริ่มตัดสิทธิตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป มีจำนวน 1,967,046 สิทธิ
อย่างไรก็ตาม ยอดลงทะเบียนที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ และสิทธิที่ถูกตัดในแต่ละวันจะถูกรวบรวมนำมาเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนอีกครั้ง
ทั้งนี้ จะเริ่มเปิดให้มีการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 ระหว่างเวลา 06.00 น. – 23.00 น. ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com จนกว่าจะครบจำนวน ทั้งนี้ ผู้ลงทะเบียนจะต้องไม่เคยได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งมาก่อน และ ผู้ประสงค์จะใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง จะไม่สามารถใช้สิทธิมาตรการช้อปดีมีคืน
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 เวลา 12.00 น. มีร้านค้าลงทะเบียน เข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 5.23 แสนร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิแล้วจำนวน 7,161,488 คน โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 7,629 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 3,888 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 3,741 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 216 บาทต่อครั้ง
โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่ ตามลำดับ
ทั้งนี้ โครงการคนละครึ่ง ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งประชาชนและร้านค้า โดยส่วนใหญ่ ระบุว่า การใช้จ่ายผ่านแอพพลิเคชั่นใช้งานได้ง่ายสะดวกและรวดเร็ว ช่วยกระตุ้นยอดขายของร้านค้ารายย่อยได้จริง อีกทั้งช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายประจำวันให้ประชาชนได้มาก
จึงขอเชิญชวนประชาชนที่สนใจ เตรียมเปิด ลงทะเบียนคนละครึ่งรอบ 2 ก่อนจำนวนสิทธิจะหมดลงอีกครั้งในวันที่ 11 พฤศจิกายน สำหรับผู้ประกอบการร้านค้ายังสามารถลงทะเบียนได้ต่อเนื่องผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ในช่วงเวลา 06.00 – 23.00 น. หรือ ณ สาขาหรือจุดรับลงทะเบียนของธนาคารกรุงไทย
ทั้งนี้ การจ่ายเงินส่วนที่รัฐร่วมจ่ายให้ร้านค้ายังคงจ่ายทุกวันทำการถัดไป และเร่งพิจารณาแนวทางการจ่ายเงินทุกวันเพื่อมิให้กระทบต่อสภาพคล่องของผู้ประกอบการรายย่อยที่ดำเนินการอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ดี หากกระทรวงการคลังและธนาคารกรุงไทยตรวจสอบพบการใช้จ่ายของร้านค้าหรือประชาชนที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขโครงการ จะมีการระงับการใช้แอพพลิเคชั่นและระงับการจ่ายเงินร้านค้าทันที อีกทั้งผู้ที่มีส่วนในการสนับสนุนการกระทำความผิดจะมีโทษตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย
รองโฆษกกระทรวงการคลัง ได้ย้ำว่า ขอความร่วมมือประชาชนและร้านค้าให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ อย่าให้มีการดำเนินการไปในทางมิชอบ เพื่อมิให้ทำลายบรรยากาศของการดำเนินโครงการคนละครึ่ง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- นายกฯ ปลื้มมาก! ‘คนละครึ่ง’ เสียงตอบรับท่วมท้น จี้เร่งช่วยร้านค้าลงทะเบียน
- กดให้ทัน! ‘คนละครึ่ง’ จ่อเปิดลงทะเบียนอีกกว่า 1 ล้านสิทธิ์
- ’30 บาท รักษาทุกที่’ เพิ่ม 4 สิทธิบัตรทอง คนไทยต้องเป็นวีไอพี ทุกโรงพยาบาล