คณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม ตั้งวงเล็ก 6 คน ล้วงความลับโรงกลั่น ขอดูเอกสารโครงสร้างราคาจริง ก่อนถก “ราคาหน้าโรงกลั่น” พร้อมสรุป 13 ธ.ค.นี้
วันนี้ (2 ธ.ค.)คณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม ซึ่งเป็นคณะทำงานร่วมภาครัฐ และภาคประชาชน เพื่อปรับราคาพลังงานใหเหมาะสม ได้มีการประชุมอีกครั้ง โดยมีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน ครั้งนี้เปิดวงถกประเด็นแรก “ราคาหน้าโรงกลั่นน้ำมัน” มีตัวแทนภาครัฐ และประชาชน และเชิญผู้แทนโรงกลั่นน้ำมันเข้าร่วมให้ข้อมูล
นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาประเด็นสำคัญเรื่อง ราคาหน้าโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งบรรยากาศการหารือเป็นไปด้วยดี มีการแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา และยังมีตัวแทนโรงกลั่นน้ำมันร่วมให้ข้อมูล ที่ถือเป็นสารตั้งต้นสำหรับเดินหน้าให้ได้ราคาพลังงานที่เป็นธรรมในที่สุด
สำหรับเนื้อหาที่ได้หารือครั้งนี้ มุ่งไปที่เรื่องหลัก คือ ราคาอ้างอิงหน้าโรงกลั่นน้ำมัน ที่เป็นการอ้างอิงการนำเข้าจากตลาดสิงคโปร์ (Import Parity) ว่าเกณฑ์ดังกล่าวยังมีความเหมาะสมหรือไม่ หากไม่เหมาะสมควรมีการปรับเปลี่ยนอย่างไร หรือจะยกเลิกเกณฑ์ดังกล่าวได้หรือไม่
โดยคณะทำงานฯจะประชุมหาข้อสรุปในวันที่ 13 ธันวาคม 2562 นี้ หัวข้อหลักที่จะให้ได้ข้อยุติ คือ ค่าพรีเมี่ยม และประเด็นที่เกี่่ยวข้องทั้งหมด แต่ระหว่างนี้จะมีการตั้งคณะทำงานชุดเล็กฝ่ายละ 3 คนมา มาจากผู้แทนภาครัฐและภาคประชาชน เพื่อเข้าไปดูข้อมูลโครงสร้าง ราคาหน้าโรงกลั่นน้ำมันที่เป็นจริงในปัจจุบัน
“วันนี้ทุกฝ่ายมองตรงกัน ตัดอีโก้ หรือผลประโยชน์เฉพาะตัวเฉพาะกลุ่ม เพื่อหาแนวทางร่วมกัน โดยราคาที่สรุปออกมาต้องเป็นธรรมทั้งประชาชน และผู้ประกอบการ เชื่อว่าการที่เราพยายามหาข้อยุติในเรื่องนี้ จะทำให้ประชาชนเข้าใจกระทรวงพลังงานมากขึ้น จากที่เคยถูกมองเป็นผู้ร้าย มามองว่าเรายืนอยู่ฝั่งประชาชน ไม่ได้ยืนอยู่หลังอีลิท หรือนายทุน ”
นางสาวรสนา โตสิตระกูล หนึ่งในคณะทำงานฯ กล่าวว่า วันนี้ได้เชิญตัวแทนโรงกลั่นมาชี้แจงสูตรหน้าโรงกลั่น คือราคานำเข้าจากสิงคโปร์บวกค่าขนส่ง ค่าประกันภัย ค่าสูญเสียระหว่างเดินทางเข้ามา ซึ่งนอกจากค่าดำเนินการเหล่านี้แล้ว ยังมีค่าปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน ค่าใช้จ่าย เพื่อสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง ค่าใช้จ่ายคลังและค่าลำเลียง ซึ่งเหล่านี้ถือเป็นต้นทุน ต้องคุยทีละส่วน ว่าจะตัดได้หรือไม่อย่างไร
โดยคณะทำงานชุดเล็กฝ่ายละ 3 คนจะเข้าไปดูเอกสารของโรงกลั่นน้ำมันให้เห็นโครงสร้างราคาอย่างแท้จริงก่อน แต่เนื่องจากเป็นเอกสารลับ จึงต้องมีการเอ็มโอยูว่าจะไม่นำความลับมาเปิดเผย จากนั้นจะนำผลการหารือ เข้าที่ประชุมในครั้งหน้าวันที่ 13 ธันวาคม 2562 ต่อไป
“ที่ผ่านมามีการถกเถียงหลายเวทีในเรื่องนี้ แต่ไม่มีใครเคาะว่าจะจบลงตรงไหน แต่ครั้งนี้เป็นโอกาสที่จะมาเคาะตัวเลขร่วมกันระหว่างเรา และราชการ อย่างไรก็ตามประชาชนก็อยากได้การเปลี่ยนของราคาน้ำมันในทางที่ลดลงจากการหารือครั้งนี้ เป็นของขวัญปีใหม่ ”
ด้านม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กล่าวว่า สำหรับข้อเสนอภาคประชาชน คือ ประเทศไทยได้ส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปแล้วหลายปี มูลค่าส่งออกเมื่อปี 2561 ประมาณ 3 แสนล้านบาท ซึ่งเมื่อสามารถส่งออกได้จำนวนมาก จึงต้องการให้ราคาการอ้างอิงราคาหน้าโรงกลั่น ปรับมาเป็นการอ้างอิงราคาส่งออกน้ำมันไปสิงคโปร์ ซึ่งถูกกว่าเป็นหลัก แทนการอิงราคานำเข้าแบบเดิม ซึ่งหลักการหารือในครั้งนี้ หากได้ข้อสรุปเรื่องสูตรการกำหนดราคาหน้าโรงกลั่น ก็จะทำให้ภาครัฐมีไม้บรรทัดในการกำกับดูแลประเด็นต่อๆไปได้อย่างโปร่งใส
“ขอขอบคุณกระทรวงพลังงานยุคนี้ ที่เป็นครั้งแรกที่ประชาชนมีสิทธิมีเสียง คุยกันได้เต็มที่เป็นคณะทำงาน เพราะตั้งแต่มีกระทรวงพลังงานมา ไม่เคยได้มาอยู่ตรงนี้กัน ถือเป็นความใจกว้างที่จะจัดการปัญหาอย่างแท้จริงของรัฐบาล และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ต้องขอชมเชยในความกล้าหาญ ”
ด้านนางสาวบุญยืน ศิริธรรม ย้ำว่าราคาพลังงาน ที่จะหาข้อสรุปร่วมกันนั้น อาจไม่เร็ว และไม่ทันใจกว่าจะได้ข้อสรุป ต้องไม่ใจร้อน เราอยู่ได้มาตั้งนาน โดยยืนยันว่าราคาที่เป็นธรรมที่จะออกมานั้น ไม่ใช่ราคาต้องถูก แต่เป็นราคาสมเหตุสมผล ผู้ประกอบการอยู่ได้ ขณะที่ประชาชนก็ไม่เดือดร้อนหนัก
สำหรับคณะทำงานชุดเล็ก ที่จะเข้าไปดูเอกสารลับของโรงกลั่นน้ำมัน ทางภาครัฐ ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) 2 คน และเทียนไชย จงพีร์เพียร ในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิ ส่วนภาคประชาชน ประกอบด้วย นางสาวรสนา ม.ล.กรกสิวัฒน์ และนายรุ่งชัย จันทสิงห์