“เศรษฐา” ลั่นการทุบค่าไฟโดยไม่สนใจกลไกการตลาด เสี่ยงเกิดรัฐประหารทางเศรษฐกิจ ยันประเทศไทยมีแผนเรื่องพลังงานสะอาดที่ชัดเจน แต่จะทำเพียงเรื่องเดียวไม่ได้
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดงาน Thailand Energy Executive Forum และปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “จุดเปลี่ยนพลังงานไทยสู่ความยั่งยืน” จัดโดยสมาคมวิทยาการพลังงานร่วมกับสถาบันวิทยาการพลังงาน (วพน.)
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า พลังงานถือเป็นเรื่องสำคัญในอนาคต ในที่ประชุม ครม. เมื่อวานนี้ (13 ก.พ.) ได้มีข้อสั่งการในการช่วยเหลือลดค่าไฟสำหรับเครื่องสูบน้ำการทำนา เนื่องจากการเกษตรถือว่าเป็นหัวใจสำคัญ ถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่จำเป็นจะต้องทำเพื่อลดช่องว่างทางสังคม
ทั้งนี้ เกษตรกรต้องการความช่วยเหลือ และการช่วยเหลือเกษตรกรก็ต้องช่วยเหลือแบบอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ใช่รอพึ่งการสนับสนุนจากรัฐบาลเพียงอย่างเดียวในทุกเรื่อง ซึ่งต้องยอมรับว่าพลังงานเป็นต้นทุน และองค์ประกอบใหญ่อย่างหนึ่งของการทำเกษตร ยอมรับว่า พลังงานโซล่าเซลล์ ถือว่าเป็นพลังงานที่ถูกที่สุด รัฐบาลได้สนับสนุนการทำตามหมู่บ้านต่าง ๆ ทำให้ค่าไฟถูกลงและเกษตรกรใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกัน พลังงานและอุตสาหกรรมก็มีความสำคัญ หลังจากตนเองได้รับตำแหน่ง 4-5 เดือนที่ผ่านมา ได้เดินทางไปต่างประเทศ พบว่าสำนักงานส่งเสริมการลงทุนไทยหรือบีโอไอ มีคนรุ่นใหม่เข้าใจบริบท เข้าใจนักลงทุนต่างชาติที่มาลงทุนในไทย เข้าใจสิทธิทางด้านภาษี และความเป็นอยู่ของคนไทยดีที่สุด ซึ่งไทยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สนามบินที่กำลังจะเปิดใหม่อีกเฟส และท่าเรือน้ำลึก ซึ่งต่างชาติตระหนักและมองว่าเป็นจุดบวกของไทย พร้อมสนใจลงทุนด้านพลังงานสะอาด โดยเฉพาะรายงานการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG index ) ของไทยอยู่อันดับที่ 30 กว่าของโลก อยู่สูงที่สุดของอาเซียน ดังนั้นไทยมีดีกว่าหลายประเทศ หลังจากนี้ตนเองจะเดินทางไปพูดคุยกับประเทศในแถบยุโรป
“เดือนหน้าผมจะเดินทางไปเยอรมนีเพื่อดึงดูดนักลงทุนเข้ามาประเทศไทย โดยเฉพาะนักลงทุนทั่วโลกถามถึงพลังงานสะอาด โดยเฉพาะสหรัฐและจีน ดังนั้นเชื่อว่าผู้ที่เกี่ยวข้องด้านพลังงานจะให้ความสำคัญและตระหนักดีในเรื่องนี้ ที่จะดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศมาได้”
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เรื่องค่าพลังงานมีการสอบถามกันมาว่ามีกลไกอะไรบ้าง สามารถทำอะไรได้บ้างทั้งค่า ppa การขอใช้กริดของโรงงานไฟฟ้าในปัจจุบัน (grid electrical) ซึ่งเป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อกันสำหรับการจ่าย ไฟฟ้าจากผู้ผลิตต่าง ๆ ไปยังผู้บริโภค กลไกตลาดจะไม่สามารถทำได้ พลังงานที่ผลิตขึ้นมาจะต้องมีผู้จ่ายอยู่ดีซึ่งอาจจะเป็นเงินของพวกเราทุกคนที่โอนกลับไปจ่ายให้กับผู้ผลิต ทำให้ต้องเก็บเงินกลับคืนอยู่ดี แต่ความเชื่อมั่น และความสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้
“การทุบโดยไม่ต้องสนใจกลไกการตลาด จะทำให้เกิดรัฐประหารทางเศรษฐกิจ เราอาจจะได้ค่าไฟถูกอยู่ไม่กี่วัน ก่อนที่จะควักเอาเงินของประชาชนมาจ่าย การลงทุนการส่งออกการจ้างงานอยู่ในใจของคนทั้งโลกไปนานนับปี ซึ่งเป็นเรื่องที่พวกเราทุกคนต้องช่วยกัน ไม่ใช่ว่าเรามีกลไกการสนับสนุนเรื่องภาษีที่ดีแล้ว มีมาตรการต่าง ๆ ที่ทำให้คนมาอยู่ในประเทศไทยอย่างมีความสุข แต่เรื่องราคาพลังงานถือเป็นเรื่องที่สำคัญ หากมองในระยะยาวเชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพสูง มีเสถียรภาพทางการเมืองที่มั่นคง พร้อมที่จะดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก เพื่อมาตั้งฐานการผลิต” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ามีการตั้งคำถามว่าเหตุใดรถไฟฟ้าความเร็วสูงจึงไม่สร้าง ซึ่งสามารถประหยัดเวลาได้หลายชั่วโมง แต่ขอให้จินตนาการดูว่าถ้าโครงการทำไปถึงหนองคาย นักธุรกิจที่นั่งอยู่คงทราบว่าต้องผ่านกี่โต๊ะในการส่งสินค้าออกไปได้ กรมศุลกากร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงแรงงาน ต้องผ่านกี่โต๊ะ กี่แสตมป์ ฉะนั้นจะสามารถทำเป็น ซิงเกิ้ลวินโดซ์ ซิงเกิ้ลฟอร์มได้หรือไม่ เพราะหากลงทุนหลายแสนล้าน หรือล้านล้านก็ต้องมาเสียเวลาอยู่ดีในด่านต่าง 2-3 ชั่วโมง
“รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ตนมองว่าเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า ขณะเดียวกันต้องทำให้อำนวยความสะดวกทางธุรกิจได้ดีขึ้น หลายคนพูดถึงเรื่องกิโยตินกฎหมาย ที่พูดกันมานานเท่าไหร่แล้ว ฟังดูแล้วมันเท่ห์มันเก๋แต่มันทำไม่ได้มันยังทำไม่สำเร็จ ฉะนั้นแล้วถึงเวลาหรือยังที่เราต้องพูดคุยอย่างจริงจัง ซึ่งอะไรทำได้ก็ต้องทำก่อน ผมไม่อยากใช้คำว่าควิกวิน เพราะใช้ไปแล้วก็จะถูกต่อว่าว่าคิดแต่จะควิกวินอย่างเดียวในการเปลี่ยนโครงสร้าง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า จากที่เดินทางไปหลายประเทศก็มีคนสนใจ เพราะเขามองภาพรวมในเรื่องการขนถ่ายสินค้าของโลก พร้อมยืนยันว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีแผนเรื่องพลังงานสะอาดที่ชัดเจน แต่จะทำเพียงเรื่องเดียวไม่ได้ ฉะนั้นทุกเรื่องต้องทำควบคู่กันไป และวางหลักฐานกันไป หากไม่จบในรัฐบาลนี้ก็ต้องเป็นรัฐบาลต่อไปที่ต้องทำเพราะเป็นความสำคัญ พร้อมย้ำว่า เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วที่ประเทศไทยไม่มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่เลย มันเป็นไปได้อย่างไร ฉะนั้นวันนี้ต้องมีการประชุมโครงสร้างพื้นฐานต่อไปควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญเรื่องพลังงานสะอาด
“มีผู้สื่อข่าวถามผมว่าสิ่งที่แปลกใจที่สุดการเป็นนายกรัฐมนตรีคืออะไร ผมจึงตอบกลับไปว่า The amount of power I have, but most of the time the lack of it. มันมีกลไก การบริหารจัดการแผ่นดินเยอะ ซึ่งเป็นกลไกที่เราต้องการความสมัครสมานสามัคคีต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย และเป็นกลไกที่เราต้องสร้างบรรยากาศที่ดีในการสำหรับการพูดคุยกันเรื่องที่เห็นต่าง เชื่อว่า นักธุรกิจที่มาร่วมงานในวันนี้จะทราบถึงความหวังดีของผมและของ รัฐบาลที่จะผลักดันกลไกอุตสาหกรรมไปข้างหน้าควบคู่เรื่องของพลังงาน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ดินเนอร์ ‘พรรคร่วมรัฐบาล’ ชื่นมื่น ‘เศรษฐา’ โชว์จุ๊บ ‘เสี่ยหนู’
- ‘เศรษฐา’ บุกแฟลตตำรวจ หลังรับรายงานทรุดโทรมมาก ลั่นอยากทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้น
- ‘เศรษฐา’ บอกวันคล้ายวันเกิดปีนี้ 15 ก.พ. อยากให้บ้านเมืองสงบสุข
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- Twitter: https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg