Economics

‘นฤมล’ เผย ‘หัวหน้าทีมไทยแลนด์’ ดึงเงินลงทุนจากต่างประเทศพุ่งกระฉูด 72%

“นฤมล” เผย “เศรษฐา” หัวหน้าทีมไทยแลนด์ ดึงเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ปี 2566 เพิ่มกระฉูด 72% จีนครองอันดับหนึ่ง 25% ของมูลค่าทั้งหมด

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้แทนการค้าไทย ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการทำงานด้านการค้าและการลงทุนของทีมไทยแลนด์ โดยได้เปิดเผยตัวเลขด้านการลงทุนจากการทำงานของทีมไทยแลนด์ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีว่า องคาพยพด้านการลงทุนที่สำคัญ คือ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน โดยปี 2566 ในภาพรวม มีโครงการขอรับการส่งเสริม 2,307 โครงการ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 16% มูลค่าเงินลงทุน 848,318 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 43% ซึ่งถือว่าสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา

ทีมไทยแลนด์
สำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ซึ่งถือเป็นเครื่องจักรที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ในประเทศไทย นำไปสู่การจ้างงานและการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีระหว่างบริษัทต่างชาติกะบผู้ประกอบการไทย ปี 2566 มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมจำนวน 1,394 โครงการ เพิ่มขึ้น 38% มูลค่าเงินลงทุนรวม 663,239 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงถึง 72%

โดยหากพิจารณาประเทศที่มีมูลค่าการขอรับการส่งเสริมสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ จีน 159,387 ล้านบาท สิงคโปร์ 123,385 ล้านบาท และสหรัฐอเมริกา 83,954 ล้านบาท จะเห็นได้ว่า ประเทศจีนประเทศเดียว มีสัดส่วนสูงถึง 25% ของเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศทั้งหมด สำหรับประเทศญี่ปุ่น มีมูลค่า 79,151 ล้านบาท สูงเป็นอันดับ 4 แต่นับว่ายังเพิ่มขึ้นถึง 60% จากปีก่อน นักลงทั้งทุนจากทั้งสี่ประเทศจึงมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทย

ทีมไทยแลนด์
“นายกฯ เศรษฐาได้มอบนโยบายให้ทีมไทยแลนด์ทุกคนร่วมกันทำงานเพื่อดึงเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ เพื่อส่งผลกระทบเชิงบวกอย่างต่อเนื่องต่อระบบเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันกันเองในอุตสาหกรรมซึ่งเป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภค และเป็นการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ในประเทศ เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์อีวี อุตสาหกรรม BCG ทำให้เกิดการจ้างงาน ในขณะเดียวกันรัฐบาลยังส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยสามารถลงทุนในต่างประเทศเพื่อสร้างเครือข่ายการผลิตของตนเอง และใช้สิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนไปเปิดตลาดใหม่ในประเทศเป้าหมาย” ผู้แทนการค้า กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK