Economics

‘อีสท์ วอเตอร์’ ยัน มีสิทธิ์ใช้โควตาน้ำกรมชลประทาน ปี 67 เดินหน้าสร้างความมั่นคงด้านน้ำ

อีสท์ วอเตอร์ ระบุ แม้โดนยกเลิกมติ ครม. ปี 2535 แต่ยังมีสิทธิ์ใช้โควตาน้ำจากกรมชลประทาน ปี 2567 เดินหน้าสร้างความมั่นคงด้านน้ำอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออก

​นายเชิดชาย ปิติวัชรากุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอขอยกเลิกการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2535 เรื่องแนวทางการจัดระบบบริหารการพัฒนาแหล่งน้ำ ในส่วนที่กำหนดว่า “ระบบท่อส่งน้ำต่าง ๆ ควรจะมีผู้รับผิดชอบรายเดียว ในการพัฒนาระบบให้เป็นท่อส่งน้ำสายหลัก (Trunk Transmission Main) และ การดำเนินการบริหาร/จัดการ (Operate) เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นผู้ค้าส่ง (Wholeseller) ในการซื้อน้ำจากอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทาน และขายน้ำดิบให้กับระบบจำหน่ายต่าง ๆ” นั้น

อีสท์ วอเตอร์

แนวทางดังกล่าว จะไม่ส่งผลต่อการบริหารจัดการน้ำของอีสท์ วอเตอร์ แต่อย่างใด เพราะในแต่ละปี ทางกรมชลประทานได้มีการจัดสรรน้ำจากปริมาณน้ำต้นทุนจากอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทานในแต่ละปีอยู่แล้ว และอยู่ภายใต้เงื่อนไข ที่ทางกรมชลประทานกำหนด

แหล่งน้ำหลักในปัจจุบันของ อีสท์ วอเตอร์ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำหนองค้อ อ่างเก็บน้ำดอกกราย อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล อ่างเก็บน้ำประแสร์ อ่างเก็บน้ำบางพระ แม่น้ำบางปะกง แม่น้ำระยอง และแหล่งน้ำเอกชน

ทั้งยังมีแหล่งน้ำสำรองที่มีใว้เพื่อเสริมความมั่นคงของแหล่งน้ำหลัก ได้แก่ สระสำรองน้ำสำนักบก สระสำรองน้ำฉะเชิงเทรา สระสำรองน้ำดิบทับมา รวมถึงมีการดำเนินการวางท่อส่งน้ำดิบหลักคลองหลวง-ชลบุรี เพื่อเพิ่มศักยภาพแหล่งน้ำในพื้นที่ชลบุรีอีกด้วย

นายเชิดชาย บอกด้วยว่า แม้ในพื้นที่ภาคตะวันออกจะมีผู้ประกอบการเพิ่ม ก็ไม่ได้หวั่น เนื่องจากเป็นเรื่องของการแข่งขันทางธุรกิจ พร้อมสู้ และยังยึดมั่นคำเดิมคือเห็นความสำคัญของผู้ใช้น้ำเป็นหลัก รวมถึงการอยู่ร่วมกับชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ในปี 2567 โครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำสายหลักทดแทน ท่อส่งน้ำเดิม ทั้ง 3 โครงการ จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จในระยะเวลาอันใกล้ หากก่อสร้างแล้วเสร็จ ท่อส่งน้ำสายหลักจะเชื่อมโยงแหล่งน้ำหลักในภาคตะวันออก ความยาว 526 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด คือระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ซึ่งจะส่งผลให้อีสท์ วอเตอร์ ยังคงเป็นผู้นำในการบริการจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกต่อไป

อีสท์ วอเตอร์

โครงก่อสร้างท่อส่งน้ำสายหลัก 3 โครงการ ประกอบไปด้วย

โครงการท่อส่งน้ำดิบหนองปลาไหล-หนองค้อ-แหลมฉบัง ในพื้นที่จังหวัดระยอง และจังหวัดชลบุรี สามารถรองรับการส่งน้ำได้ 350,000 ลบ.ต่อวัน ทำให้ส่งน้ำไปให้พื้นที่ชลบุรี ได้อย่างเพียงพอ  รองรับความต้องการน้ำที่เพิ่มขึ้น หรือในกรณีเกิดภัยแล้ง เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างยั่งยืน ความยาวกว่า 57.1 กิโลเมตร โดยเชื่อมต่อกับท่อส่งน้ำสายหลักประแสร์-หนองปลาไหลเดิมของอีสท์ วอเตอร์

โครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำดิบคลองหลวง จังหวัดชลบุรี เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองหลวงรัชชโลทร มายังอ่างเก็บน้ำหนองค้อ แทนการผันน้ำผ่านคลองพานทอง ความยาวกว่า 49 กิโลเมตร โดยเชื่อมต่อจากท่อส่งน้ำสายหลักปลวกแดง-บ่อวิน

โครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำดิบมาบตาพุต-สัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพิ่มศักยภาพในการส่งน้ำ ให้แก่ภาคอุปโภค บริโภค และท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ความยาวกว่า 27 กิโลเมตร โดยเชื่อมต่อระบบท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-มาบตาพุต เส้นที่ 2

ตลอด 31 ปีที่ผ่านมา อีสท์ วอเตอร์ มีแผนเพิ่มศักยภาพแหล่งน้ำต้นทุน ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อสร้างเสถียรภาพของระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำมูลค่ามากกว่า 22,000 ล้านบาท เชื่อมโยงแหล่งน้ำสำคัญในภาคตะวันออกเกือบทั้งหมด

ทำให้ อีสท์ วอเตอร์ สามารถบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมพื้นที่อีอีซี ลดความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำในสภาวะภัยแล้งหรือฝนทิ้งช่วง อันจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้น้ำในระยะเวลา 20 ปีข้างหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อผู้ใช้น้ำ

อีสท์ วอเตอร์

อีสท์ วอเตอร์ เน้นการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพ ดำเนินธุรกิจอยู่บนพื้นฐานความโปร่งใส บรรษัทภิบาล และความยั่งยืน รวมถึงการคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อบรรลุเป้าหมายในการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอต่อทุกภาคส่วน

ตลอดจนพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมเดินหน้าก้าวสู่ทศวรรษที่ 4 อย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำอย่างเต็มที่ เพิ่มศักยภาพโครงข่ายท่อส่งน้ำ รองรับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้น สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo