ปี 65 เบิกจ่าย “สิทธิบัตรทอง” 1.3 แสนล้าน ใช้บริการ 173.2 ล้านครั้ง ครอบคลุมกว่า 47 ล้านคน เตรียมพัฒนาการยืนยันตัวตนเข้ารับบริการ
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 18 กรกฎาคม 2566 ได้รับทราบรายงานการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2565 ตามที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นำเสนอ โดยมีข้อมูลการดำเนินการในด้านต่างๆ ดังนี้
ปี 65 เบิกจ่าย 1.3 แสนล้านบาท ใช้บริการ 173.2 ล้านครั้ง
ในด้านการเบิกจ่ายงบประมาณ มีการเบิกจ่ายงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้กับหน่วยบริการให้ผู้มีสิทธิรวม 130,480.54 ล้านบาท คิดเป็น 92.84% ของงบประมาณทั้งหมด 140,550.19ล้านบาท
ด้านความครอบคลุมสิทธิหลักประกันสุขภาพ พบว่าสิทธิกองทุน สปสช. ครอบคลุมคนไทย 47.46 ล้านคน มีการลงทุนเลือกหน่วยบริการประจำ 47.18 ล้านคน คิดเป็นความครอบคลุมที่ 99.40%
ทั้งนี้ ณ สิ้นปีงบประมาณ 65 มีหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาตินั้นมีทั้งสิ้น 15,847 แห่ง ประกอบด้วยหน่วยปฐมภูมิ 12,185 แห่ง หน่วยบริการประจำ 1,213 แห่ง หน่วยบริการรับส่งต่อทั่วไป 1,085 แห่ง หน่วยบริการรับส่งต่อเฉพาะด้าน 4,633 แห่ง
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ทางด้านผลงานบริการตามงบประมาณที่ได้รับจัดสรร พบว่า มีการให้บริการพื้นฐานในงบเหมาจ่ายรายหัว สำหรับผู้ป่วยนอก 167 ล้านครั้ง ผู้ป่วยใน 6.2 ล้านครั้ง บริการกรณีเฉพาะผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน 6,871 คน บริการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล 3.9 ล้านคน ส่วนบริการเฉพาะกลุ่ม(นอกงบเหมารายจ่ายรายหัว) เช่นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวี 198,199 คน ผู้ป่วยไตวายเข้ารับการล้างไต ฟอกไต ปลูก่ถายไต 82,463 คน ผู้ป่วยภาวะพึ่งพิงติดเตียง 201,291 คน
นอกจากนี้ สปสช. ได้ผลักดันในเรื่องของคุณภาพและมาตรฐานการบริการสาธารณสุข โดยพบว่าหน่วยบริการรับส่งต่อในเครือข่าย ได้รับการรับรองตามกระบวนการรับรองคุณภาพโรงพยาบาลระดับ HA (Hospital Accreditation) 84.79% หรือ 920 แห่ง จากที่มีการประเมิน 1,085 แห่ง
รวมถึงให้การคุ้มครองสิทธิผ่านกลไกต่างๆ เช่น มีช่องทางให้สอบถามข้อมูล ร้องเรียน ร้องทุกข์ ประสานส่งต่อผู้ป่วย และบริการเชิงรุกผ่านสายด่วน สปสช. 1330 ช่องทางออนไลน์ต่างๆ การให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นผู้ได้รับความเสียหายจากการรักษาพยาบาล ตลอดจนมีกลไกการมีส่วนร่วมในการคุ้มครองสิทธิทั่วประเทศทั้งส่วนกลางและเครือข่ายของท้องถิ่น
พัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับความท้าทายในบริการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่ต้องดำเนินการระยะต่อไปมีหลายประการ อาทิ การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการกองทุน สปสช. โดยการพัฒนาการยืนยันตัวตนเข้ารับบริการ การตรวจสอบการเบิกจ่ายแบบเรียลไทม์ การใช้ AI เข้ามาตรวจสอบการจ่ายชดเชย ต้องมีการพัฒนารูปแบบการเบิกจ่ายที่มีประสิทธิภาพลดความเสี่ยงและปัญหาทางการเงินของหน่วยบริการ
ต้องพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับชีวิตวิถีใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพการจัดบริการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงโดยุมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของท้องถิ่น การเพิ่มความเข้มแข็งให้ระบบบริการปฐมภูมิ การเชื่อมโยงข้อมูลสารสนเทศและการบริหารจัดการบิ๊กดาต้า การสนับสนุนให้ประชาชนมีความรู้ด้านสุขภาพ ตลอดจนการสร้างความเป็นเอกภาพของระบบประกันสุขภาพภาครัฐทั้ง 3 ระบบ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘สิทธิบัตรทอง’ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร นำร่องตรวจ ‘DNA’ คนไร้สถานะ ช่วยประชาชนเข้าถึงสิทธิมากขึ้น
- รัฐบาล แนะย้าย ‘สิทธิบัตรทอง’ ต่างจังหวัดมากรุงเทพ เมื่อต้องเข้ามาทำงาน-เรียนหนังสือ ทำได้ง่ายผ่าน 4 ช่องทาง
- เฮ! สปสช. เบิกจ่าย 2 พันล้าน ‘นอกสิทธิบัตsทอง’ ได้ หลังกฤษฏีกาขี้ มีอำนาจบริการป้องกันโรคแก่คนไทยทุกคน