Economics

เศรษฐกิจโลกฉุดส่งออกไทย! ‘กกร.’ หั่นเป้าเหลือ -2% ถึง 0% รับกังวลค่าไฟแพง

“กกร.” คงประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 3-3.5% พร้อมหั่นเป้าส่งออกเหลือ -2% ถึง 0% รับกังวลต้นทุนค่าไฟฟ้า ชี้งวดกันยายน-ธันวาคม ไม่ควรเกิน 4.25 บาท

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย ในฐานะประธานการประชุม คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร. ยังคงกรอบประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทย (GDP) ปี 2566 ไว้ที่ 3%- 3.5% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้จะสูงขึ้นไปถึง 29-30 ล้านคน

ส่งออก

อย่างไรก็ตาม กกร. ได้ปรับตัวเลขการส่งออกจากเดิม -1% ถึง 0% เป็น -2% ถึง 0% และปรับเงินเฟ้อจากเดิม 2.7% ถึง 3.2% เป็น 2.2% ถึง 2.7% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มชะลอลงมากในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ประกอบกับเงินบาทอ่อนค่า

“การส่งออกมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยเฉพาะจากฝั่งตะวันตก ส่วนเงินเฟ้อนั้นยังคงมีความเสี่ยงจากภัยแล้ง และค่าแรงในระยะต่อไป แต่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะต่ำลงจากที่ประเมินไว้เดิมตามทิศทางราคาพลังงาน” นายผยง กล่าว

ส่งออก
นายผยง ศรีวณิช

ส่วนการปรับปรุงนิยามและข้อมูลหนี้ครัวเรือนของ ธปท. ให้ครอบคลุมมากขึ้น ทำให้ ณ ไตรมาสที่ 1 ปี2566 หนี้ครัวเรือนอยู่ที่ 90.6% ต่อจีดีพี หรือสูงกว่าตัวเลขเดิมก่อนปรับปรุงราว 4% ต่อจีดีพี (7.65 แสนล้านบาท) ที่ประชุม กกร. มองว่าเป็นประโยชน์ต่อการวางแนวทางแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างรอบด้าน จากเดิมที่มองเห็นหนี้ในธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ กลุ่ม non-bank และสหกรณ์ออมทรัพย์ เป็นหลัก ข้อมูลที่ปรับปรุงใหม่ได้ครอบคลุมไปถึงหนี้เพื่อการศึกษา (กยศ.) การเคหะแห่งชาติ ธุรกิจพิโกไฟแนนซ์ และสหกรณ์ที่ไม่ใช่สหกรณ์ออมทรัพย์

ทั้งนี้ การจะแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนได้อย่างยั่งยืน จึงต้องเป็นการฟื้นฟูศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจ ยกระดับทักษะแรงงานและผลิตภาพแรงงาน นำไปสู่รายได้ที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่อยากให้รัฐบาลใหม่ร่วมหาแนวทางกับภาคเอกชน เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ทั้งแรงงาน ผู้ประกอบการ และรัฐบาล ในระหว่างนี้ที่เศรษฐกิจฟื้นตัวไม่เต็มที่ ภาคการเงินยังต้องประคับประคองลูกหนี้กลุ่มเปราะบางต่อไป แม้จะมีต้นทุนต่อระบบบ้าง นอกจากนี้ยังรวมไปถึงกลุ่ม30% ที่ไม่ได้อยู่ในระบบภายใต้การกำกับของ ธปท.

ส่งออก

นอกจากนี้ ที่ประชุม กกร. ยังมีความกังวลภาระต้นทุนของผู้ประกอบการที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง โดยเฉพาะต้นทุนค่าไฟฟ้าที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เตรียมจะพิจารณาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) งวดเดือนกันยายน-ธันวาคม ซึ่งหากพิจารณาจากปัจจัยที่นำมาคำนวณค่า ft แล้ว พบว่า มีปัจจัยบวกให้ค่าไฟฟ้าลดลงได้กว่า 10% จากงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม และคาดว่าไม่ควรเกิน 4.25 บาท/หน่วย จากเดิม 4.70 บาท/หน่วย จึงขอให้พิจารณาขยายเวลาการคืนหนี้ให้ กฟผ. จาก 5 งวด เป็น 6 งวด เพื่อให้ค่า Ft ลดลงอีก 10 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่ง กฟผ. จะได้รับเงินคืนครบภายในเดือนสิงหาคม 2568

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo