กกร. เตรียมยื่น 6 ข้อเสนอต่อพรรคการเมือง ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ-แก้ปัญหาประเทศ ชี้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง คาดโต 3.0-3.5%
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร. วันนี้ (3 พ.ค.) ได้ทำ 6 ข้อเสนอเตรียมยื่นต่อพรรคการเมือง และรัฐบาลในอนาคต สำหรับขับเคลื่อนเศรษฐกิจและแก้ปัญหาในการดำเนินธุรกิจ ดังนี้
6 ข้อเสนอเตรียมยื่นรัฐบาลในอนาคต
- ด้าน Competitiveness เช่น การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน
- ด้าน Ease of Doing Business เช่น ปฏิรูปกฎหมายที่ล้าสมัย เร่งปรับปรุงกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติอนุญาตภาครัฐ และที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ
- ด้าน Digital Transformation เช่น ส่งเสริมการเป็น Technology hub ของประเทศไทย เพื่อให้เป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยี
- ด้าน Human Development เช่น การเพิ่มผลิตภาพแรงงาน ควรกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ มีการสนับสนุนระบบการจ่ายค่าจ้างแรงงานตามทักษะฝีมือ ยกระดับมาตรฐานฝีมือแรงงานให้ได้มาตรฐานสากล และแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานไทย และต่างด้าว
- ด้าน SME เช่น สนับสนุนให้มีมาตรการช่วยเหลือกลุ่ม SMEs ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน และเร่งการปรับโครงสร้างหนี้จัดตั้งกองทุนพัฒนาผู้ประกอบการ SME เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ
- ด้าน Sustainability เช่น ขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ BCG และการจัดทำแผนรองรับปัญหาการขาดแคลนอาหาร (Food Security) แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน
นายเกรียงไกร กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากภาคการท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวมีโอกาสแตะ 30 ล้านคน ในปี 2566 ซึ่งคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีหลังจะเพิ่มมากขึ้น และเป็นปัจจัยสนับสนุนทำให้ GDP ในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเติบโตได้มากกว่าครึ่งปีแรก กกร.จึงคงกรอบประมาณการเศรษฐกิจปี 2566 โตที่ระหว่าง 3.0-3.5% การส่งออก -1.0-0.0% เงินเฟ้อ 2.7-3.2%
ทั้งนี้ คาดว่าการส่งออกไทยจะหดตัวในช่วงครึ่งปีแรกก่อนจะมีแนวโน้มกลับมาขยายตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ทั้งนี้ภาวะต้นทุนยังอยู่ในระดับสูงและอาจปรับตัวลงช้า ราคาในตลาดโลกของสินค้าโภคภัณฑ์ในภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรมยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อของประเทศเศรษฐกิจหลักยังทรงตัวในระดับสูงและมีแนวโน้มลดลงช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากการส่งผ่านต้นทุนยังไม่สิ้นสุด ผู้ประกอบการมีแนวโน้มทยอยปรับขึ้นราคาสินค้ารอบที่ 2 ประมาณ 5-10% ขึ้นอยู่กับชนิดสินค้าและต้นทุน
กกร. ยังมีความกังวลต่อความเสี่ยงภัยแล้งที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคตะวันออก ซึ่งมีสาเหตุเกิดจากปรากฏการณ์เอลนีโญ่ที่มีโอกาสเกิดขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม 2566 และอาจรุนแรงติดต่อกันมากถึง 3 ปี ซึ่งจะทำให้เกิดคลื่นความร้อนและภัยแล้งเป็นบริเวณกว้าง กระทบต่อภาคเกษตรและอุตสาหกรรม ทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น และทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลง
ดังนั้น กกร. จึงเตรียมยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีขอให้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำแผนรับมือสถานการณ์ภัยแล้งระยะเร่งด่วน 3 ปี และระยะยาว เพื่อเร่งวางมาตรการรับมือภัยแล้ง และเร่งรัดโครงการพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำภาคตะวันออกให้แล้วเสร็จตามแผน เช่น โครงการอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จังหวัดจันทบุรี เป็นต้น
ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า แม้หลายประเทศทั่วโลกจะประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร แต่มั่นใจว่าไทยไม่ขาดแคลน แม้จะเกิดปัญหาภัยภัยแล้งก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณอาหาร แต่จะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ประกอบกับเงินเฟ้อที่ยังสูง ต้นทุนก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีก ส่วนค่าไฟมีแนวโน้มลดลงจากราคาพลังงานที่ลดลงแต่เห็นว่าควรมีการปรับโครงสร้างค่าไฟครั้งใหญ่ เพราะค่าไฟฟ้าที่ลดลงจะทำให้ประเทศสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กกร. คงกรอบเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 3.0-3.5% ท่องเที่ยวหนุน-ส่งออกหดตัว
- กกร.ห่วงค่าไฟแพง-ดอกเบี้ยสูง ดันต้นทุนการผลิตพุ่ง จี้รัฐหั่นค่า Ft
- กกร.คงเป้าเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 3.0-3.5% แม้ทัวร์จีนแห่เข้าไทย