“กฟผ.” ยืนยัน ซื้อไฟฟ้าเอกชนถูกต้องตามมติภาครัฐ ระบุ จะแสดงสัญญารับซื้อไฟฟ้าเอกชนต่อสาธารณชน ต้องได้รับความยินยอมจากคู่สัญญา ส่วนค่าความพร้อมจ่ายปฏิบัติตามแนวทางสากล ไร้ผลประโยชน์แอบแฝง
จากกรณีที่มีการเรียกร้องให้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยสัญญารับซื้อไฟฟ้า (PPA) จากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนนั้น
ล่าสุด นายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ ในฐานะโฆษก กฟผ. ชี้แจงว่า กฟผ. ยินดีเปิดเผยข้อมูล หรือรายละเอียดสัญญารับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) ต่อบุคคลภายนอก แต่ต้องได้รับความยินยอมจากคู่สัญญาของ กฟผ. ก่อนดำเนินการ
ส่วนสัญญารับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ได้เปิดเผยต้นแบบสัญญาตั้งแต่แรก จึงสามารถสืบค้นข้อมูลได้จากเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)
การรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนเป็นไปตามนโยบายภาครัฐ เพื่อลดภาระการลงทุนของภาครัฐ ลดหนี้สาธารณะ และเพิ่มการแข่งขันในกิจการไฟฟ้า ซึ่งภาครัฐเป็นผู้คัดเลือกผู้ผลิตไฟฟ้า ที่มีราคาต่ำสุดในช่วงเวลานั้น ๆ โดยผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ตามลำดับ ส่วน กฟผ. เป็นเพียงผู้รับซื้อไฟฟ้าตามราคาที่รัฐกำหนด และดำเนินการตามระเบียบการรับซื้อไฟฟ้า เท่านั้น
สำหรับค่าความพร้อมเดินเครื่องเพื่อจ่ายไฟฟ้า (Availability Payment : AP) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า ค่าความพร้อมจ่าย เป็นแนวทางปฏิบัติตามหลักสากลสำหรับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว เพื่อสะท้อนต้นทุนค่าก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่เอกชนต้องลงทุน เช่น ค่าเช่า ค่าอุปกรณ์อะไหล่โรงไฟฟ้า ค่าจ้างเดินเครื่องหรือบำรุงรักษา ค่าประกันภัยโรงไฟฟ้า ฯลฯ
ในการดูแลรักษาโรงไฟฟ้าให้มีความพร้อมอยู่เสมอ กฟผ. จึงต้องจ่ายค่า AP ที่ถูกกำหนดไว้ตลอดอายุสัญญา โดยจ่ายเป็นรายเดือนตามความพร้อมจ่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าเท่านั้น หาก กฟผ. ไม่จ่ายจะเป็นการผิดสัญญา และอาจถูกฟ้องร้องได้ ในทางกลับกันหากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนไม่สามารถเตรียมโรงไฟฟ้าให้มีความพร้อมจ่ายตามที่กำหนด ก็จะถูกปรับตามสัญญาเช่นกัน
ทั้งนี้ ค่า AP ของโรงไฟฟ้าเอกชนคิดรวมอยู่ในค่าไฟฟ้าฐาน ซึ่งไม่ได้ปรับขึ้นมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2558 จึงไม่ได้ส่งผลต่อค่าไฟฟ้าที่ปรับสูงขึ้นในปัจจุบัน
ยกตัวอย่างให้เข้าใจได้ง่าย ๆ และเห็นภาพชัดเจน คือ การทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า เปรียบเสมือนการทำสัญญาเช่ารถยนต์มาใช้งาน ผู้เช่าจะต้องมีค่าใช้จ่าย 2 ส่วน คือ ค่าเช่ารถที่ต้องจ่ายทุกเดือน ไม่ว่าจะมีการใช้รถหรือไม่ก็ตาม
เช่นเดียวกับค่า AP ของโรงไฟฟ้า ส่วนค่าน้ำมันจะจ่ายมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับระยะทางการใช้งาน เปรียบได้กับค่าพลังงานไฟฟ้า หรือค่า EP (Energy Payment) เป็นค่าเชื้อเพลิงที่โรงไฟฟ้าเอกชนจะได้รับ ก็ต่อเมื่อศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าสั่งการให้โรงไฟฟ้าเดินเครื่องผลิตพลังงานไฟฟ้าเท่านั้น
สำหรับการนำเข้า Spot LNG เพื่อนำมาผลิตไฟฟ้า กฟผ. ไม่เคยได้รับผลประโยชน์ใด ๆ เนื่องจากค่าเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าเป็นค่าใช้จ่ายตามจริงที่ถูกเรียกเก็บจาก ปตท. ไม่มีการบวกเพิ่มแต่อย่างใด
นายประเสริฐศักดิ์ ย้ำว่า กฟผ. รับซื้อไฟฟ้าจากเอกชนตามนโยบายภาครัฐ โดยราคาค่าไฟฟ้าที่ กฟผ. รับซื้อไม่มีบวกกำไรเพิ่ม และค่าไฟฟ้าที่ กฟผ. เรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้า เป็นไปตามที่ได้รับการเห็นชอบโดย กกพ.
ในช่วงวิกฤติพลังงานที่ต้องเผชิญกับความยากลำบาก กฟผ. มิได้นิ่งนอนใจ ได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าอย่างเต็มกำลัง เพื่อแบ่งเบาภาระของประชาชน ซึ่งปัจจุบัน กฟผ. ยังมีหนี้เงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องสูงถึง 1.1 แสนล้านบาท จากการแบกรับภาระค่าเอฟทีเป็นการชั่วคราวกว่า 1.5 แสนล้านบาท
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘บิ๊กตู่’ จัดให้! ครม.เคาะช่วยค่าไฟฟ้า ใช้ไม่เกิน 500 หน่วยมีข่าวดี!
- สำรวจค่าไฟเครื่องใช้ไฟฟ้า! รู้หรือไม่? 1 ชั่วโมงกินไฟเท่าไหร่ ชิ้นไหนกินไฟมากที่สุด
- ‘บอร์ด กกพ.’ ไฟเขียวลดค่าไฟงวดใหม่ 7 สตางค์ เหลือ 4.70 บาทต่อหน่วย