Economics

ส่งออกชะลอตัว! คลังหั่นเป้าเศรษฐกิจไทยปีนี้เหลือโต 3.6% จากเดิมคาดโต 3.8%

“กระทรวงการคลัง” หั่นเป้าเศรษฐกิจไทยปีนี้เหลือโต 3.6% จากเดิมคาดโต 3.8% หลังส่งออกชะลอตัว ค่าไฟแพงไม่กระทบเงินเฟ้อ

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษก กระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังปรับเป้าหมายจีดีพีไทยปี 2566 ใหม่เป็นขยายตัว 3.6% จากเดิมคาดการณ์ขยายตัว 3.8% รับผลภาคส่งออกที่คาดว่าจะหดตัว 0.5% จากความเสี่ยงเศรษฐกิจและการค้าโลก จากก่อนหน้าคาดว่าปีนี้การส่งออกจะขยายตัวได้เล็กน้อย โดยมีสมมติฐานจากการเติบโตเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า 15 ประเทศ ยังขยายตัว 2.8% ลดลงจากปี 2565 ขยายตัว 3.4% ท่ามกลางสภาวะการเงินตึงตัว หนี้สินเพิ่ม ปัญหาโควิดระบาดอีกรอบ

เศรษฐกิจไทย

ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยในปีนี้ได้รับแรงสนับสนุนจากการบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น และภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียและกลุ่มสหภาพยุโรปที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 29.5 ล้านคน ขยายตัวที่ 164.6% ต่อปี และคาดว่ามีรายได้จากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จำนวน 1.3 ล้านล้านบาท คิดเป็น 255.9% ต่อปี ส่งผลให้รายได้จากภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

สอดคล้องกับด้านอุปสงค์ภายในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยคาดว่าการบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวที่ 4.1% (ช่วงคาดการณ์ที่ 3.6% ถึง 4.6%) ตามรายได้ภาคประชาชนที่ฟื้นตัวตามสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศ ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงช่วยให้การบริโภคเพิ่มขึ้น สำหรับการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าขยายตัวที่ 2.3% (ช่วงคาดการณ์ที่ 1.8% ถึง 2%) จากความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจภายในประเทศที่เริ่มกลับมาดีขึ้นตามทิศทางของเศรษฐกิจโดยรวม

เศรษฐกิจไทย

อย่างไรก็ดี ผลของอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง การดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดและปัญหาสถาบันการเงินในประเทศเศรษฐกิจหลักส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอลงในช่วงต้นปี 2566 ทำให้คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปเงินสกุลดอลลาร์จะหดตัวเล็กน้อยที่ -0.5% (ช่วงคาดการณ์ที่ -1.0 ถึง 0.0%) นอกจากนี้ การบริโภคภาครัฐคาดว่าหดตัวที่ -2.1% (ช่วงคาดการณ์ที่ -2.6 ถึง -1.6%) และการลงทุนภาครัฐขยายตัวที่ 2.6% (ช่วงคาดการณ์ที่ 2.1 ถึง 3.1%) ส่วนหนึ่งมาจากกระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่ล่าช้ากว่าปีที่ผ่านมา

สำหรับปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดมีทั้งปัจจัยสนับสนุน อาทิ

  1. ภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้นสะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวทุกสัญชาติที่มีจำนวนมากกว่าที่คาดการณ์
  2. สถานการณ์เงินเฟ้อที่ลดลงเร็วกว่าที่คาดไว้ ส่งผลบวกต่อการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น และปัจจัยเสี่ยง อาทิ
  • ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ความผันผวนของตลาดการเงินโลกจากการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของประเทศคู่ค้าหลักและปัญหาสถาบันการเงินในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป
  • ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์โลกในภูมิภาคต่าง ๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นคงระหว่างประเทศและปัจจัยการผลิตต่าง ๆ

เศรษฐกิจไทย

นายพรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ค่าไฟฟ้าแพงในปัจจุบัน แม้จะเป็นรายจ่ายของครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2566 ยอมรับว่าส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อน้อยมาก เนื่องจากต้นทุนด้านพลังงาน ทั้งค่าไฟฟ้า ประปา น้ำมัน มีสัดส่วนเพียง 5.5% ของอัตราเงินเฟ้อโดยรวมทั้งหมด มองว่าค่าไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อนไม่กระทบต่ออัตราเงินเฟ้อให้พุ่งสูงขึ้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK