Economics

ตรวจสอบบัตรคนจน ‘ผ่าน-ไม่ผ่าน’ พร้อมอัปเดตขั้นตอนยืนยันตัวตนที่นี่

ตรวจสอบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตรวจสอบบัตรคนจนผ่าน-ไม่ผ่าน พร้อมอัปเดตขั้นตอนยืนยันตัวตนล่าสุด ยืนยันตัวตนที่ไหน ใช้เอกสารอะไรบ้าง?

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการยืนยันตัวตนของผู้ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 ณ วันที่ 8 มีนาคม 2566 เวลา 15.00 น. มีผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติที่ยืนยันตัวตนสำเร็จแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 3,583,633 ราย

ตรวจสอบบัตรคนจนผ่าน-ไม่ผ่าน

สำหรับจำนวนผู้ยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ ณ วันที่ 8 มีนาคม 2566 เวลา 15.00 น. มีผู้ยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 763,449 ราย

ทั้งนี้ การยืนยันตัวตนของผู้ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติหรือขออุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนเป็นไปตามวันและเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน โดยการให้บริการในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มีดำริให้สาขาของธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรที่มีสาขาในห้างสรรพสินค้าที่ยังไม่ให้บริการยืนยันตัวตน และยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติ พิจารณาเปิดให้บริการเพิ่มเติมเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน

ตรวจสอบบัตรคนจนผ่าน-ไม่ผ่าน

ตรวจสอบบัตรคนจนผ่าน-ไม่ผ่าน ดังนี้

  1. ตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติผ่านทางเว็บไซต์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ https://welfare.mof.go.th ได้ตั้งแต่เวลา 6.00 น. ถึง 23.00 น. ของทุกวัน
  2. ตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่ สาขาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย สำนักงานคลังจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ สังกัดกรมบัญชีกลาง ที่ว่าการอำเภอทั้ง 878 อำเภอทั่วประเทศ ภายใต้กระทรวงมหาดไทย สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร ทั้ง 50 เขต และศาลาว่าการเมืองพัทยา ตามวันและเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน สำหรับการตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ให้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของหน่วยงานรับลงทะเบียนแต่ละแห่ง
  3. ตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติ โดยสามารถโทรศัพท์สอบถามได้ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ Call Center โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (โทร. 02 109 2345) สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง (โทร. 09 4858 9794) และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (โทร. 02 273 9020 ต่อ 3502, 3503, 3506, 3536, 3542, 3518 หรือโทร. 08 5842 7102 , 08 5842 7103, 08 5842 7104 ,08 5842 7105, 08 5842 7106,08 5842 7107) ในช่วงวันจันทร์-วันศุกร์ ตามเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน

ตรวจสอบบัตรคนจนผ่าน-ไม่ผ่าน

ยืนยันตัวตน “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ยังไง?

สำหรับผู้ลงทะเบียนโครงการที่ตรวจสอบผลแล้วเป็นผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ ขอให้ดำเนินการยืนยันตัวตน โดยสามารถดำเนินการได้ ดังนี้

ผู้ลงทะเบียนโครงการที่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติสามารถไปยืนยันตัวตนได้ที่

  • ธนาคารกรุงไทย
  • ธนาคารออมสิน
  • ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

โดยสามารถยืนยันตัวตนได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป

เอกสารสำหรับยืนยันตัวตน

1. กรณีเดินทางมาด้วยตัวเอง ต้องใช้

  • บัตรประจำต้องประชาชน (ผู้ลงทะเบียน)
  • ใบสำคัญการหย่า หรือ ใบมรณะบัตร หรือ หนังสือรับรองการตาย หรือทะเบียนบ้านที่มีการจำหน่ายการตาย (เฉพาะผู้ผ่านเกณฑ์แบบมีเงื่อนไข)

2. กรณีมอบอำนาจ ผู้พิการผู้ป่วยติดเตียง หรือ ผู้สูงอายุ ที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนได้ด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นมายืนยันตัวตนแทนได้ โดยใช้เอกสาร

  • บัตรประจำตัวประชาชน (ผู้ลงทะเบียน)
  • ใบสำคัญการหย่า หรือใบมรณะบัตร หรือหนังสือรับรองการตาย หรือทะเบียนบ้านที่มีการจำหน่ายการตาย (เฉพาะผู้ผ่านเกณฑ์แบบมีเงื่อนไข)
  • หนังสือมอบอำนาจ (ดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์โครงการฯ)
  • บัตรประจำตัวประชาชน (ผู้ได้รับมอบอำนาจ)
  • สำเนาบัตรประจำตัวคนพิการ (ถ้ามี) หรือใบรับรองแพทย์ (ถ้ามี) ให้นำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่หน่วยงานยืนยันตัวตน

ทั้งนี้ จะต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์ (Smart Card) เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนด้วย ณ ธนาคารดังกล่าวตามวันและเวลาทำการของแต่ละธนาคาร

ตรวจสอบบัตรคนจนผ่าน-ไม่ผ่าน

  • เมื่อยืนยันตัวตนเสร็จเรียบร้อยแล้วจะสามารถตรวจสอบสถานะการยืนยันตัวตนของตนเองผ่านทางเว็บไซต์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ https://welfare.mof.go.th ในวันถัดไป หรือติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน หรือโทรศัพท์สอบถามได้ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • ผู้ลงทะเบียนโครงการที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติต้องดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับหมายเลขประจำตัวประชาชนกับธนาคารใดก็ได้ เนื่องจากการผูกบัญชีพร้อมเพย์ไว้ล่วงหน้าจะทำให้ผู้ได้รับสิทธิโครงการฯ สะดวกในการรับสิทธิสวัสดิการหากกรณีที่ภาครัฐมีสวัสดิการที่จะโอนเข้าบัญชีในอนาคต
  • หากดำเนินการยืนยันตัวตนภายในวันที่ 1-26 มีนาคม 2566 และตรวจสอบพบว่า ผ่านการยืนยันตัวตน (e-KYC) จะสามารถใช้สิทธิสวัสดิการผ่านบัตรประจำตัวประชาชนได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 แต่หากผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติยืนยันตัวตนหลังวันที่ 26 มีนาคม 2566 จะได้ใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐได้ตามวันที่กระทรวงการคลังกำหนด สำหรับผู้ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐปัจจุบันจะสามารถใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้จนถึงวันที่ 31มีนาคม 2566 เท่านั้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK