หลังจากเริ่มกลับมากำไรได้อีกครั้ง ทำให้ “ตัน ภาสกรนที” กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กลับมาทบทวนแผนการทำธุรกิจที่ดูเหมือนจะคอนเซอร์เวทีฟ มากขึ้น จากก่อนหน้านี้ที่ชูกลยุทธ์แตกเพื่อโต ด้วยการขยายพอร์ตโฟลิโอสินค้าออกไปมากมายในกลุ่มเครื่องดื่ม
ล่าสุด อิชิตัน ได้ปรับแผนการทำธุรกิจครั้งใหญ่ ด้วยการหันมาโฟกัสเฉพาะสินค้าที่ทำรายได้และสร้างผลกำไร และพร้อมจะหยุดทุ่มทำตลาดสินค้าที่ยังไม่เห็นแววแจ้งเกิด เริ่มจากเครื่องดื่มชูกำลัง “T247” ที่วางตลาดเมื่อกลางปี 2560 ที่ผ่านมา และน้ำอัดลมไบเล่ ที่ควักเงินกว่าเกือบ 2,000 ล้านบาทซื้อกิจการและแบรนด์มาตั้งแต่ปี 2557 โดยจะเลิกทำตลาดในปีนี้
ที่น่าจับตาคือ เมื่อเรียนรู้แล้วว่า ตลาดชาเขียวพร้อมดื่มเมืองไทย ไม่ได้เติบโตฟู่ฟ่า หวือหวา เหมือนที่ผ่านมา ทำให้ ตัน ตัดสินใจพลิกกลยุทธ์การทำธุรกิจครั้งใหญ่ ชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ด้วยการหันกลับมาเน้นทำตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม รสชาติที่มั่นใจว่าติดตลาดและมีกลุ่มลูกค้าชัดเจน และเลิกกลยุทธ์ก่อนหน้านี้ที่ใช้การ “เหวี่ยงแห” ออกรสชาติใหม่ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มส่วนแบ่งตลาด ซึ่งดูจะได้ผลตอบรับไม่เป็นดังหวัง
นอกจากนี้ ยังเปลี่ยนการทำกิจกรรมการตลาด จากเดิมที่เน้นทุ่มงบมหาศาล แจกใหญ่ขึ้น มากขึ้น ทุกปี เพื่อจับตลาดแมส มาเป็นการทำตลาดเฉพาะกลุ่ม ซึ่งใช้งบน้อยกว่า แต่เห็นผลได้ชัดเจนกว่า ตัวอย่างเช่นล่าสุด ที่มุ่งกระตุ้นยอดขายในกลุ่มลูกค้าเทรดดิชันนอล เทรด ร้านค้าส่งค้าปลีก ด้วยการจัดแคมเปญสำหรับลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ เพื่อหวังให้ธุรกิจปลายน้ำกลุ่มนี้ด้วยผลักดันสินค้าออกไปจากร้านเร็วขึ้น
อีกประเด็นที่น่าจับตาคือ การปล่อยวางจากการเป็นพรีเซ็นเตอร์แคมเปญการตลาด ที่นำมาซึ่งกลยุทธ์ ซีอีโอ พรีเซ็นเตอร์จนหลายองค์กรทำตาม มาเป็นการใช้พรีเซ็นเตอร์ที่เหมาะสมกับสินค้าและแคมเปญนั้นๆ
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนการพลิกกลยุทธ์ครั้งใหญ่ ของ ตัน ภาสกรนที ที่เรียนรู้แล้วว่า กลยุทธ์ที่เคยได้ผลในช่วงหนึ่ง ไม่สามารถได้ผลตลอดไป แต่สิ่งสำคัญคือ “การปรับตัว” ให้เท่าทันกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วมากขึ้นทุกที
