อปท. เปิดรับลงทะเบียน ‘เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ’ ปี 67 เริ่ม ต.ค.– พ.ย. 65 และ ม.ค. – ก.ย. 66 ยื่นคำขอที่ท้องถิ่นตามภูมิลำเนา
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยได้แจ้งแนวทาง การรับลงทะเบียนผู้มีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดแจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการการตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว
ลงทะเบียน 2 ช่วง
โดยในปีนี้ จะเปิดรับลงทะเบียน 2 ช่วง ช่วงแรกตั้งแต่ตุลาคม – พฤศจิกายน 2565 และ ช่วงที่สองตั้งแต่มกราคม – กันยายน 2566
ซึ่งเปิดรับลงทะเบียนผู้สูงที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนมาก่อน (รายใหม่) และผู้สูงอายุที่จะมีอายุครบ 60 ปี บริบูรณ์ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (เกิดก่อน 2 กันยายน 2507) รวมถึงผู้สูงอายุที่ย้ายภูมิลำเนา เข้ามาอยู่ในพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แต่ยังไม่ได้ยื่นคำขอลงทะเบียน
ให้ยื่นคำขอลงทะเบียนขอรับเงินเบี้ยยังชีพด้วยตนเอง หรือ อาจมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผู้อื่นเป็นผู้ยื่นคำขอลงทะเบียนฯ แทนได้
สำหรับผู้ซึ่งต้องขังหรือจำคุกอยู่ในเรือนจำ ทัณฑสถานหรือสถานที่คุมขังของกรมราชทัณฑ์ ให้มอบอำนาจให้ผู้บัญชาการเรือนจำ ผู้อำนวยการทัณฑสถาน เจ้าหน้าที่ที่ผู้บัญชาการเรือนจำมอบหมาย หรือมอบหมายให้บุคคลอื่นดำเนินการ ยื่นต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามภูมิลำเนาของผู้มีสิทธิ์
เงื่อนไขผู้มีสิทธิ
- ผู้มีสิทธิต้องมีสัญชาติไทย
- มีภูมิลำเนาในเขต อบต. หรือ เทศบาล ตามทะเบียนบ้าน
- ไม่เป็นผู้ที่ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เอกสารสำหรับการลงทะเบียน
ในการยื่นแบบคำขอลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพ จะต้องเตรียมเอกสารสำคัญประกอบด้วย
- บัตรประจำตัวประชาชน หรือ บัตรอื่นที่มีรูปถ่ายซึ่งออกโดยหน่วยงานของรัฐ
- ทะเบียนบ้าน (ฉบับเจ้าบ้าน)
- สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร
เลือกวิธีรับเงินเบี้ยยังชีพ
สำหรับกรณีประสงค์จะขอรับเงินผ่านบัญชีเงินฝากธนาคาร โดยผู้สูงอายุสามารถแจ้งความประสงค์ วิธีการขอรับเงินเบี้ยยังชีพ ผู้สูงอายุ ได้วิธีใดวิธีหนึ่งเท่านั้นดังนี้
- รับเงินสดด้วยตนเอง
- รับเงินสดโดยบุคคลที่ได้รับมอบอำนาจ
- โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารในนามตนเอง
- โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารในนามบุคคลที่ได้รับมอบอำนาจ
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีผู้สูงอายุที่มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพอยู่แล้ว แต่มีการย้ายภูมิลำเนาไปยังเขต อบต. หรือ เทศบาล อื่น ให้ลงทะเบียนและยื่นคำขอรับเงินเบี้ยยังชีพ ที่มีภูมิลำเนาในเขต อบต. หรือ เทศบาล แห่งใหม่ภายในพฤศจิกายน 2566 หากไม่ได้ไปลงทะเบียนตามกำหนด แต่ได้ลงทะเบียนยื่นคำขอรับเงินเบี้ยยังชีพในภายหลังที่กำหนด ทาง อบต. หรือ เทศบาล แห่งใหม่จะจ่ายเงินเบี้ยยังชีพให้ในปีงบประมาณถัดไป (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568)
ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพในวันที่ 5 ของเดือนถัดไป ณ บอร์ดประชาสัมพันธ์ของ อบต. หรือ เทศบาล ที่ได้ไปลงทะเบียน หรือพื้นที่ที่ อบต. หรือ เทศบาล กำหนดไว้ และสามารถตรวจสอบบัญชีรายชื่อผู้สูงอายุ ที่มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพทั้งหมดได้ ในวันที่ 29 กันยายน 2566
กระทรวงมหาดไทยขอเรียนว่า ขณะนี้ คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ อยู่ระหว่างการพิจารณาคุณสมบัติของผู้มีสิทธิรับเงิน เบี้ยยังชีพ ผู้สูงอายุที่จะกำหนดใหม่
หากคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติมีการกำหนดนโยบายที่ชัดเจน และมีผลให้กระทรวงมหาดไทยสามารถนำมากำหนดเป็นระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วย หลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขึ้นใหม่แล้ว กระทรวงมหาดไทยจะได้แจ้งแนวทาง ในการดำเนินการรับลงทะเบียนผู้มีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เพิ่มเติม ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทราบและถือปฏิบัติต่อไป
หากมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ อบต. หรือ เทศบาล ในพื้นที่ของท่าน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- จ่ายเบี้ยยังชีพ ผู้สูงอายุ ยึดเกณฑ์เดิม ไม่ให้ซ้ำซ้อน อย่าเชื่อข่าวจ่ายข้าราชการบำนาญ
- กฤษฏีกา ระบุ รัฐยึด ‘เบี้ยยังชีพ ผู้สูงอายุ’ ขัดรัฐธรรมนูญ เร่งคืนเงิน 3 หมื่นราย หวั่นถูกร้องเรียน
- ลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพ ผู้สูงอายุ ปีงบประมาณ 2566 ใครมีสิทธิได้ เช็ครายละเอียดที่นี่