Economics

กฤษฏีกา ระบุ รัฐยึด ‘เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ’ ขัดรัฐธรรมนูญ เร่งคืนเงิน 3 หมื่นราย หวั่นถูกร้องเรียน

กฤษฏีกา วินิจฉัย รัฐยึด ‘เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ’ อ้างซ้ำซ้อน ‘ขัดรัฐธรรมนูญ’ ครม.รีบอนุมัติคืนเงิน 245 ล้านบาท หวั่นถูกร้องเรียน

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการ การคืนเบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุที่ได้นำเงินมาคืนทางราชการแล้ว จำนวน 28,345 ราย เป็นเงินทั้งสิ้น 245,243,189.70 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2565)

เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

รีบจ่ายเงินคืน ถอนฟ้อง ให้เสร็จภายใน 1 เดือน

พร้อมมอบหมายให้ กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และกระทรวงการคลัง หาแนวทางการจ่ายเงินคืนให้แก่ผู้สูงอายุรับเบี้ยยังชีพซ้ำซ้อนกับสวัสดิการอื่น และได้นำเงินมาคืนให้ทางราชการ รวมทั้งแจ้งให้มีการถอนฟ้องหรือระงับการบังคับคดี ในกรณีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้มีการดำเนินคดีเรียกคืนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1 เดือน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ  (23 สิงหาคม 2565)

เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

เงื่อนไขที่กำหนดในระเบียบเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ)  ได้มีคำวินิจฉัยว่า เงื่อนไขที่กำหนดว่า “ผู้สูงอายุที่จะได้รับเบี้ยยังชีพต้องไม่เป็นผู้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์จากหน่วยงานของรัฐ” เป็นเงื่อนไขที่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 และการจ่ายเงินเบี้ยงยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุที่ไม่สอดคล้องกับเงื่อนไขดังกล่าว จึงเป็นการจ่ายเงินให้โดยชอบ  ในกรณีที่ผู้สูงอายุนำเงินมาคืนราชการ หน่วยงานที่รับเงินไว้มีหน้าที่ต้องจ่ายเงินคืนให้ผู้สูงอายุ

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติไว้ในมาตรา 48 วรรค 2 มีเพียง 2 ประการคือ อายุเกิน 60 ปี และไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ จึงเป็นหลักเกณฑ์สำคัญที่รัฐจะตรากฎหมายเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือบุคคลที่มีลักษณะดังกล่าว

ดังนั้น ระเบียบของคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) และระเบียบของกระทรวงมหาดไทย ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามระเบียบของ กผส. นั้น ที่กำหนดเงื่อนไขว่ าต้องไม่เป็นผู้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ ถือว่าไม่สอดคล้อง กับหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

เร่ง พม.-มท. แก้ไขระเบียบ เร่งคืนเงิน เลี่ยงปัญหาต่างๆ รวมถึงการร้องเรียน

ระหว่างนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ยังอยู่ระหว่างการนำเสนอแนวทางการกำหนดนโยบายเบี้ยยังชีพ ผู้สูงอายุ ต่อคณะกรรมการผู้สูงอายุเพื่อพิจารณา ซึ่งเมื่อได้แนวทางชัดเจนแล้ว กระทรวงมหาดไทยจะได้ดำเนินแก้ไขระเบียบให้สอดคล้องกับแนวทางดังกล่าวต่อไป

นายอนุชา กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. ระบุว่าการคืนเบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุที่ได้นำเงินมาคืนราชการแล้วจำนวน 28,345 ราย นั้น  เป็นเรื่องที่มีความสำคัญเร่งด่วน และสมควรที่จะต้องรีบดำเนินการ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาอื่นๆ ที่จะตามมา เช่น ปัญหาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ  การขาดโอกาสในการเข้ารับการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงที ผู้สูงอายุเสียชีวิต และการร้องเรียนต่างๆ เป็นต้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo