กกพ. หนุนผลิต-รับซื้อ ‘ไฟฟ้าสีเขียว’ ต่อยอด ’Green Tariff’ ให้ภาคอุตสาหกรรม เพิ่มขีดความสามารถแข่งขันในตลาดโลก
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในการประชุมครั้งที่ 41/2565 (ครั้งที่ 808) เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2565 มีมติเห็นชอบให้ออกระเบียบว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565 – 2573 สำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้าประเภทไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 ทั้งนี้เป็นไปมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการประชุมครั้งที่ 3/2565 (ครั้งที่ 158) เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2565
เพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทย สามารถมุ่งสู่พลังงานสะอาด และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero Carbon Emission) ซึ่งระเบียบดังกล่าวกำลังอยู่ในขั้นตอน เสนอประกาศในราชกิจจานุเบกษาฯ และมีผลบังคับใช้ต่อไป
เปิดให้ผู้ประกอบการ พัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าหมุนเวียน
นายคมกฤช กล่าวเพิ่มเติมว่า ระเบียบดังกล่าวจะเปิดให้ผู้ประกอบการที่สนใจ พัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน สำหรับกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง ตามมติ กพช. ได้แก่ ก๊าซชีวภาพ (น้ำเสีย/ของเสีย) พลังงานลม และพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน จากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) หรือผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) ในรูปแบบสัญญา Non-Firm ที่ปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขายไม่เกิน 90 เมกกะวัตต์
และโครงการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (Battery Energy Storage System: BESS) จากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ในรูปแบบสัญญา Partial-Firm ที่ปริมาณเสนอขายมากกว่า 10 เมกกะวัตต์ แต่ไม่เกิน 90 เมกกะวัตต์ ตามเงื่อนไขการสั่งจ่ายไฟฟ้าตามที่ระบุในมติ กพช.
ซึ่งภายหลังจากระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้ว กกพ. จะออกประกาศรับซื้อ โดยกำหนดคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอโครงการและรายการเอกสาร แสดงความพร้อมประกอบการเสนอขายไฟฟ้า ในแต่ละประเภทพลังงานหมุนเวียน เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการฯต่อไป
ไทม์ไลน์โครงการ
กำหนดการเบื้องต้นของโครงการดังกล่าวมีดังนี้
- ตรวจสอบจุดเชื่อมโยง ตุลาคม 2565
- ยื่นคำเสนอขายไฟฟ้า พฤศจิกายน – ธันวาคม 2565
- ประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติ มกราคม 2566
- ประกาศผลผู้ผ่านการคัดเลือก พฤษภาคม – มิถุนายน 2566
- กำหนดการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (COD) ปี 2567 – 2573
กกพ. ยังต่อยอดโดยนำพลังงานไฟฟ้าสีเขียวที่จะผลิตได้จากโครงการดังกล่าว มารวมขายในอัตราไฟฟ้าสีเขียว (Green Tariff) ให้กับภาคอุตสาหกรรมและกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้า ที่มีความต้องการที่จะใช้ไฟฟ้าสีเขียว เพื่อประโยชน์ในการส่งออกสินค้าที่ต้องพิสูจน์ Carbon Tracking จากพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในการผลิตสินค้า
โดย Green Tariff จะเป็นการอำนวยความสะดวกให้ภาคอุตสาหกรรม สามารถมีพลังงานสีเขียวไว้ใช้ได้อย่างต่อเนื่อง มั่นคง เพียงพอ ในราคาที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก และยังลดความยุ่งยากที่จะต้องผลิตพลังงานสีเขียวไว้ใช้เองอีกด้วยฃ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘สุพัฒนพงษ์’ พร้อมสนับสนุน ‘เอกชนสหรัฐ’ ลงทุนด้านพลังงานสะอาด
- ‘GULF’ รุกลงทุนในสหรัฐฯ ดีลหุ้น 49 % ‘โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Jackson’ เสริมแกร่ง
- ครึ่งปีแรก รัฐส่งเสริมการลงทุน ‘12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย’ 309 โครงการ มูลค่า 1.3 แสนล้านบาท