“รมว.ดีอีเอส” เชื่อมาตรการยกเว้นภาษี Capital Gain Tax ดึงดูดการลงทุน หนุนสตาร์ทอัพไทยเติบโต กรุยทางสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลมูลค่าสูง
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือื ดีอีเอส เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติมาตรการยกเว้นภาษี หรือ Capital Gain Tax เป็นเวลา 10 ปีแก่นักลงทุนไทยและต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในดิจิทัลสตาร์ทอัพไทยภายใต้ 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยจะต้องถือหุ้นไม่น้อยกว่า 24 เดือน ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมานั้น
มาตรการดังกล่าว จะส่งผลดีต่อสตาร์ทอัพสัญชาติไทย โดยเฉพาะสตาร์ทอัพในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมพัฒนาคนและการศึกษา ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับภารกิจสำคัญของ กระทรวงดิจิทัลฯ โดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ที่ต้องการส่งเสริมและยกระดับศักยภาพของดิจิทัลสตาร์ทอัพไทย ควบคู่ไปกับการพัฒนาเครือข่ายและระบบนิเวศสตาร์ทอัพ (Startup Ecosystem)
ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโตของดิจิทัลสตาร์ทอัพไทย พร้อมก้าวสู่ระดับสากล ซึ่งถือเป็นแผนงานหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
สำหรับมาตรการยกเว้นภาษีดังกล่าว จะช่วยดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนไทยและต่างชาติ ผ่านธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital: VC) สนับสนุนให้สตาร์ทอัพไทย สามารถระดมทุนได้เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดสตาร์ทอัพรายใหม่
ขณะเดียวกัน ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการจ้างงานในประเทศ ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคเศรษฐกิจของไทย เปลี่ยนระบบเศรษฐกิจแบบดั้งเดิมสู่เศรษฐกิจดิจิทัลมูลค่าสูงต่อไป
ขณะที่ สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย ประเมินว่า มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการระดมทุนในสตาร์ทอัพจะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในสตาร์ทอัพไทยมากกว่า 3.2 แสนล้านบาทภายในปี 2569 เกิดการจ้างงานเพิ่มกว่า 4 แสนตำแหน่ง และก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 7.9 แสนล้านบาท
อ่านข่าวเพิ่มเติม