ทีดับบลิวฯ เตรียมยื่นฟ้องศาล อดีตหุ้นส่วนละเมิดสัญญาฉวยสิทธิจัดประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018
นายธนวัฒน์ วันสม ประธานกรรมการ บริษัท ทีดับบลิว อินเวสเมนท์กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่าบริษัทได้มอบหมายให้ที่ปรึกษากฎหมายเตรียมยื่นฟ้องอดีตหุ้นส่วน กรณีที่หุ้นส่วนเดิมเข้าเป็นผู้ถือสิทธิในการจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018 แทนบริษัท เพราะเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการดำเนินธุรกิจเพื่อการแสวงหากำไรโดยถือประโยชน์จากการที่เคยเป็นหุ้นส่วนกันและจากการที่ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่และความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนกัน
บริษัทพิจารณาว่าเป็นการละเมิดสิทธิและบริษัทได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง เพราะหากหุ้นส่วนรายดังกล่าวทำตามหน้าที่และความรับผิดชอบแล้ว มั่นใจว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาสิทธิในการเป็นผู้จัดได้ต่อไป
“ขอยืนยันเจตนารมณ์ตั้งแต่เบื้องต้นว่า เรามองเห็นประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการจัดงานครั้งสำคัญนี้ ที่ครอบคลุมถึงการสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพทุกมิติของประเทศ เรามองถึงความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในด้านการลงทุน ความร่วมมือที่ยั่งยืนกับนานาประเทศทั่วโลก นอกเหนือจากการส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว ศิลปวัฒนธรรม และการสร้างความภูมิใจให้คนไทย”
นายธนวัฒน์ กล่าวว่าในการเข้าประมูลสิทธิเป็นเจ้าภาพจัดประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018 ซึ่งเป็นที่หมายตาของหลายประเทศนั้น บริษัท ทีดับบลิว อินเวสเมนท์กรุ๊ป จำกัด ได้เตรียมการอย่างเต็มเพื่อโน้มน้าวให้เจ้าของสิทธิเห็นถึงความพร้อมของประเทศไทยในการจัดการประกวด จนกระทั่งสามารถชนะคู่แข่งจากประเทศอื่น ทำให้ประเทศไทยได้รับสิทธิในการจัดการประกวดปีนี้”
ทั้งนี้ เพื่อปกป้องสิทธิของบริษัทและเพื่อให้เกิดบรรทัดฐานในการดำเนินธุรกิจต่อไป จึงได้ปรึกษากับที่ปรึกษากฎหมาย และเห็นว่ามีหลายประเด็นที่จะดำเนินการทางกฎหมายได้ จึงได้ให้ที่ปรึกษากฎหมายรวบรวมข้อมูลและหลักฐานเพื่อเตรียมการฟ้องคดีต่ออดีตหุ้นส่วน
“ขอย้ำว่าไม่เคยมีความคิดที่จะทำให้เกิดปัญหาใดๆ ต่อการจัดงาน เราอยากเห็นความสำเร็จในการจัดงาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์เป็นอย่างมากต่อประเทศไทยโดยรวมทั้งในเชิงเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ภาพลักษณ์ และความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยในสายตานานาชาติ”
แต่การจัดงานควรจะต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างแท้จริง รวมถึงต้องมีความรับผิดชอบทั้งต่อหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่จะร่วมมือสนับสนุน
“เราต้องพึ่งพากระบวนการยุติธรรมให้ช่วยคุ้มครองภาคธุรกิจให้สามารถทำงานอยู่บนพื้นฐานของความซื่อสัตย์สุจริตและโปร่งใส”