Business

‘ช้อปดีมีคืน’ เคลียร์ชัด คืนภาษี เท่าไรกันแน่ อย่าลืม!ใบกำกับภาษี

ช้อปดีมีคืน เคลียร์ชัด คืนภาษี ไทยคู่ฟ้าเตือน ประชาชนใช้สิทธิ อย่าลืมใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบจากร้านค้า ยกเว้น ซื้อ e-book หรือสินค้า OTOP 

เริ่มเป็นวันที่ 3 สำหรับการเปิดให้ช้อปปิ้ง ในมาตรการ ช้อปดีมีคืน ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก “ไทยคู่ฟ้า” ได้เผยแพร่ถึงการใช้สิทธิในโครงการ ช้อปดีมีคืน เคลียร์ชัด คืนภาษี ตามฐานเงินได้สุทธิ โดยระบุว่า

ช้อปดีมีคืน เคลียร์ชัด คืนภาษี

“ช้อปดีมีคืน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ และคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีภาษี 2563 ตามจำนวนเงินค่าซื้อสินค้าและบริการ ที่จ่ายจริง ตั้งแต่ 23 ต.ค.-ธ.ค.63 แต่ไม่เกิน 30,000 บาท

ได้ฟัง หรือ อ่านมาแบบนี้แล้ว ใช่ว่าเราจะได้ภาษีคืนครบ 30,000 บาท หรือ ตามค่าใช้จ่ายที่เสียไปแบบเป๊ะ ๆ

เพราะความจริง เราจะได้รับเงินภาษีคืน ตามฐานของเงินได้สุทธิต่อปี ซึ่งแต่ละคนไม่เท่ากัน แม้จะซื้อสินค้าหรือบริการเต็มเพดาน 30,000 บาทก็ตาม

แต่ใครจะได้เท่าไรลองเทียบดูตามตารางข้างล่างนี้

ช้อปดีมีคืน เคลียร์ชัด คืนภาษี

อย่างไรก็ตาม แม้การเข้าร่วมโครงการช้อปดีมีคืน จะไม่ต้องลงทะเบียนก่อนใช้สิทธิ์ แต่อย่าลืมขอใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบจากร้านค้า ยกเว้นการซื้อ e-book หรือสินค้า OTOP ที่ใช้หลักฐานอื่นแทนได้”

สำหรับ ข้อควรรู้ และต้องจำ ในมาตรการ ช้อปดีมีคืน มีดังนี้

  • เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ (23 ตุลาคม) ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563
  • ผู้ที่ได้รับสิทธิ ช้อปดีมีคืน ต้องไม่เคยได้รับสิทธิ ตามโครงการ คนละครึ่ง หรือโครงการเพิ่มกำลังซื้อ ให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตามมติคณะรัฐนตรี เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563
  • เงินที่นำมาลดหย่อนได้ มาจากค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ สำหรับการซื้อสินค้า หรือการรับบริการในราชอาณาจักร ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ลดหย่อนสูงสุดได้ไม่เกิน 30,000 บาท
  • ใช้ซื้อสินค้าและบริการ ได้เฉพาะในช่วงเวลาที่กำหนด
  • อย่าลืมขอหลักฐานการจ่ายเงิน โดยเฉพาะใบกำกับภาษี และเก็บไว้ให้ดี เพื่อใช้เป็นเอกสาร ประกอบการขอลดหย่อนภาษี
  • มาตรการนี้ ได้เฉพาะบุคคล ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคล ที่มิใช่นิติบุคคล

การกำหนดเงื่อนไขเช่นนี้ เนื่องจาก วัตถุประสงค์ของมาตรการ ช้อปดีมีคืน มีเป้าหมายเพื่อ กระตุ้นการบริโภคในประเทศ, สนับสนุนผู้ประกอบการ ที่อยู่ในระบบภาษี รวมถึงส่งเสริมการผลิตสินค้าท้องถิ่นและการอ่าน

ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง คาดว่า มาตรการดังกล่าว จะกระตุ้นให้เกิดการบริโภคภายในประเทศในช่วงปลายปี 2563 ซึ่งคาคว่าจะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียน ในระบบเศรษฐกิจ เพิ่มขึ้นมูลค่าประมาณ 1.11 แสนล้านบาท และคาดว่าจะช่วยให้ GDP เพิ่มขึ้นประมาณ ร้อยละ 0.30

นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริม ให้ผู้ประกอบการ เข้าเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะเป็นการขยายฐานภาษี และส่งผลดี ต่อการจัดเก็บรายได้ภาษีของรัฐ ในระยะยาว อีกด้วย

สำหรับ โครงการ มาตรการทั้งหมดนี้ จะครอบคลุม กลุ่มเป้าหมายกว่า 28 ล้านคน โดยคาดว่า จะมีเม็ดเงิน เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 1.92 แสนล้านบาท ส่งผลให้จีดีพีเพิ่มขึ้น ประมาณ 0.54%

อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ ได้วิเคราะห์ว่า โครงการ “ช้อปดีมีคืน” นั้นเป็นไปได้ยาก ที่จะก่อให้เกิดเม็ดเงินใช้จ่ายถึง 111,000 ล้านบาท ตามที่รัฐตั้งเป้าหมายไว้

ทั้งนี้เนื่องจาก แรงจูงใจในการใช้จ่าย จะขึ้นอยู่กับอัตราภาษีเงินได้ ของแต่ละบุคคล ที่ต้องเสียภาษี ตั้งแต่อัตราภาษีที่เสีย 5% ไปจนถึงอัตราสูงสุดที่ 35% ดังนั้น ผู้ใช้จ่ายจะ ได้เงินคืนกลับมา 5 – 35% ตามแต่ขั้นของอัตราภาษีเงินได้ของผู้ใช้จ่าย หรือคิดเป็นเงินได้กลับคืนมาสูงสุด 1,500-10,500 บาท ของแต่ละขั้นอัตราภาษีจ่าย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo