ต้องเรียกว่ายังสร้างกระแสได้ต่อเนื่อง สำหรับ “พี่หมื่น” โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ ที่ยังคงนั่งตำแหน่งพรีเซ็นเตอร์ฮอตแห่งปี จากละครฮิต “บุพเพสันนิวาส” ที่แม้ละครรีรันช่วงค่ำยังทำเรตติ้งได้ดี ส่งให้ “พี่หมื่น” ยังได้รับความสนใจจากสินค้าต่างๆ คว้ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์กันแบบต่อเนื่อง ตั้งแต่ค่ายมือถือยันเครื่องสำอางรวมกว่า 10 สินค้าในปีนี้ ล่าสุดกับผลิตภัณฑ์ “ไส้กรอก” เบทาโกร ไม่พลาดกระแสฮิตพี่หมื่นเช่นกัน!!
วิสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือเบทาโกร กล่าวว่าการทำตลาดผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป “ไส้กรอก”ปีนี้ เตรียมงบประมาณทำตลาดไว้ที่ 140 ล้านบาท เพื่อสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์ที่จะเปิดตัวใหม่ในปีนี้ รวมทั้งกระตุ้นยอดขาย
ประเดิมด้วยการเปิดตัว พรีเซนเตอร์คนแรกของไส้กรอกรมควันเบทาโกร “โป๊ป- ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ” ที่มีกระแสดีต่อเนื่อง จากละครดังบุพเพสันนิวาส ซึ่งจะช่วยสร้างการรับรู้และจดจำแบรนด์ รวมทั้งผลักดันยอดขายผ่านแคมเปญใหม่ “อร่อยใช่…สัมผัสไหนก็โดน” กับผลิตภัณฑ์ไส้กรอกรมควันเบทโกรได้ดี
แคมเปญดังกล่าวผู้บริหารและพนักงานเบทาโกรกว่า 300 คน จะเดินสายแจกผลิตภัณฑ์ไส้กรอกรมควันเบทาโกรทั่วประเทศ จำนวน 5 แสนชิ้น ในเขตกรุงเทพฯ ย่านการค้า และอาคารสำนักงาน และในภูมิภาคต่างๆ ตามหัวเมืองใหญ่ ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น พัทยาและภูเก็ต รวมทั้ง กิจกรรมและโปรโมชั่น เช่น “ทริปเปิดฟิน กินเที่ยวกับโป๊ป”
ตลาดไส้กรอก 3.5 หมื่นล้านโต 5%
ปัจจุบันตลาดไส้กรอกมีมูลค่ากว่า 3.5 หมื่นล้านบาท ยังมีแนวโน้มเติบโตได้อีกจากความนิยมบริโภคไส้กรอกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายหลักตั้งแต่วัยมัธยมถึงกลุ่มคนทำงาน หรืออายุ 15-40 ปี ที่มีไลฟ์สไตล์สมัยใหม่แบบวิถีคนเมือง เร่งรีบ ชอบความสะดวกสบาย รับประทานอาหารแบบไม่จำกัดเวลา และไม่จำกัดตามมื้อหลัก แต่ใส่ใจบริโภคอาหารที่มีคุณภาพและรสชาติอร่อย ทำให้อาหารแปรรูป ประเภทไส้กรอกและแฮมของไทยมีการเติบโตเฉลี่ย 5-6% ต่อปี
ในปี 2560 ไส้กรอกเบทาโกรเติบโต 10% มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 15% เป็นอันดับ 2 ของตลาด โดยผู้นำมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 30% จากแผนรุกเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์โป๊ป แคมเปญการตลาดและสินค้าใหม่ในปีนี้ วางเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้ได้ 20% ในสิ้นปีนี้
ปัจจุบันตลาดรวมไส้กรอก แบ่งออกเป็น 3 เซ็กเมนต์ คือ พรีเมียม หรือเกรดเอ 5% ราคากิโลกรัมละ 300-600 บาท , สแตนดาร์ดหรือเกรดบี 70% ราคากิโลกรัมละ 200-300 บาท และอีโคโนมี หรือเกรดซี 25% ราคากิโลกรัมละ ต่ำกว่า 100 บาท โดยเบทาโกรทำตลาดไส้กรอกใน 2 เซ็กเมนต์คือเกรดเอและบี ที่มีสัดส่วนตลาดรวม 75%
ขยาย“เบทาโกรช็อป”กระจายสินค้า
เบทาโกรมีแผนพัฒนาช่องทางการกระจายสินค้า ผ่านช่องทางจำหน่ายหลัก คือ ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ฟู้ดเชน เช่น ร้านอาหาร โรงแรม และตลาดสด ร้านค้าทั่วไป เป็นต้น
รวมทั้งช่องทางจำหน่ายของ เครือเบทาโกรเอง คือ ร้านเบทาโกร ช็อป และร้านเบทาโกร เดลี่ ปัจจุบันมี 183 สาขา สิ้นปีนี้จะขยายเพิ่มเป็น 200 สาขา โดยตั้งเป้าขยายครบ 250 สาขา ภายในปี 2562
การขยายสาขาจะเน้นไปที่รูปแบบ เบทาโกร ช็อป ซึ่งจะเป็นจุดกระจายสินค้าให้ร้านค้าทั่วไป ตลาดสด รวมทั้งจุดขายสินค้าสำหรับผู้บริโภคในระดับอำเภอ ปัจจุบันครอบคลุมระดับอำเภอเมืองทั่วประเทศ แต่ละสาขาลงทุนเฉลี่ย12-15 ล้านบาท ส่วน เบทาโกร เดลี่ เป็นรูปแบบร้านที่เปิดในอาคารสำนักงาน เพื่อให้บริการลูกค้ากลุ่มคนทำงานซื้อผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปและสินค้าพร้อมรับประทานปัจจุบันมีประมาณ 30 แห่ง ใช้งบลงทุนแห่งละ 2-3 ล้านบาท นอกจากนี้มีแผนขยายการขายสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซอีกด้วย
