Business

ฟื้นแล้ว! ปี 66 ‘ไปรษณีย์ไทย’ พลิกทำกำไร 78 ล้าน ตั้งเป้าปี 67 รายได้ทะลุ 2.2 หมื่นล้านบาท

ไปรษณีย์ไทย ฟื้น! ทำรายได้ปี 2566 ทะลุ 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นขึ้น 7.40% กำไร 78.54 ล้านบาท อานิสงส์กิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัว ดันรายได้โต ปริมาณชิ้นงานขนส่งเพิ่มขึ้น เปิดโรดแม็ป Trusted Sustainable ASEAN Brand ใน 3 ปี ตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้ ที่ 22,802 ล้านบาท คาดมีกำไรสุทธิสูงถึง 350 ล้านบาท

วันนี้ (22 มี.ค.) ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดขนส่งในปีที่ผ่านมา ถือว่ายังมีการเติบโตตามอานิสงส์ของการฟื้นตัวของกิจกรรมเศรษฐกิจ และจากการให้บริการกับตลาดต่าง ๆ รวมทั้งการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ไปรษณีย์ไทย เติบโต ทั้งด้านรายได้ และปริมาณชิ้นงานขนส่งที่เพิ่มขึ้น

ไปรษณีย์ไทย

ในปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 20,934.47 ล้านบาท เติบโตขึ้น 7.40% โดยมีกำไร 78.54 ล้านบาท รายได้หลักมาจากธุรกิจขนส่ง และโลจิสติกส์ ที่มีสัดส่วนรายได้สูงสุด เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่ 19.35%

ปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจขนส่ง และโลจิสติกส์ ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง มาจากการให้บริการที่ครอบคลุมผู้ใช้บริการทุกกลุ่ม จุดให้บริการที่สะดวกง่ายต่อการเข้าถึง พัฒนาประสบการณ์ในการใช้บริการอย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นคุณภาพตลอดกระบวนการให้บริการ

นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยยังเห็นโอกาสจากการให้บริการค้าปลีก และการเงิน จึงพัฒนาสินค้า และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค โดยในกลุ่มบริการนี้มีรายได้เติบโตขึ้น 34.26% ถือเป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่ไปรษณีย์ไทยให้ความสำคัญ และพร้อมต่อยอดโซลูชันการให้บริการที่มากขึ้นในปีนี้

ขณะที่โรดแม็ปใน 3 ปี ไปรษณีย์ไทยตั้งเป้าเป็น Trusted Sustainable ASEAN Brand ดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน และเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือแห่งอาเซียน โดยปี 2567 ได้ปรับวิสัยทัศน์เป็น ส่งมอบการเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านเครือข่ายไปรษณีย์ Delivering Sustainable Growth through Postal Network วาง 10 ความโดดเด่นและการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ได้แก่ การมุ่งเน้นคุณภาพ หลีกเลี่ยงสงครามราคา การปรับภาพจำของแนวทางการดำเนินงานแบบรัฐวิสาหกิจไปสู่เอกชน

พร้อมพัฒนา Logistics Company ให้ก้าวสู่ Information Logistics Company ที่นำข้อมูลมาปรับปรุงต่อยอดบริการให้ตรงใจ การขยายฟังก์ชั่นการทำงานของบุรุษไปรษณีย์ หรือ Postman สู่ Post Gentleman as a service ที่พร้อมให้บริการในหลากหลายด้าน และปรับสนามการแข่งขันให้เป็นความร่วมมือเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดขนส่งโลจิสติกส์

ดร.ดนันท์ กล่าวเสริมว่า ในส่วนของเป้าหมายรายได้รวมปีนี้ วางไว้ที่ 22,802 ล้านบาท คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 350 ล้านบาทจากกลุ่มบริการหลัก ได้แก่ บริการขนส่งและโลจิสติกส์ บริการไปรษณียภัณฑ์ บริการค้าปลีก บริการการเงิน และบริการคลังสินค้า เป้าหมายที่ตั้งไว้จะเกิดขึ้นได้จากทรัพยากรที่มีศักยภาพ ครอบคลุมทุกพื้นที่ ได้แก่ เครือข่ายไปรษณีย์ที่ครอบคลุมแล้วกว่า 30,000 แห่ง

ไปรษณีย์ไทย

ขณะที่ภาพรวมในปี 2567 ธุรกิจไปรษณีย์ – ขนส่งจะยิ่งทวีความสำคัญ เนื่องจากเป็นหนึ่งในภาคบริการที่เชื่อมต่อกันทั้งเศรษฐกิจและสังคม ไปรษณีย์ไทยจึงให้ความสำคัญกับ การสร้างความแตกต่างที่ตอบสนองความต้องการระยะยาว

อีกทั้งกลุ่มตลาด Niche Market ในการให้บริการขนส่งสินค้าที่มีความเฉพาะเจาะจง เช่น ผลไม้และผลผลิตเกษตร ยาและเวชภัณฑ์ และ การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารระวางการขนส่ง ลดต้นทุน เพิ่มความแม่นยำ ติดตามได้แบบเรียลไทม์ การเพิ่มประสบการณ์ที่ดี โดยเฉพาะบริการที่ยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ส่งทุกวันไม่มีวันหยุด

นอกจากนี้ยังมุ่งเน้น บริการระหว่างประเทศ ด้วยการขนส่งสินค้าทางราง ทางอากาศและเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการให้กับลูกค้าให้สามารถใช้ช่องการชำระเงินค่าสินค้า-บริการผ่านแอปพลิเคชัน We Chat และ Ali Pay ที่จะเริ่มในไตรมาสที่ 2 ปีนี้

ทั้งนี้ ในปี 2566 ไปรษณีย์ไทยมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มงานต่างๆ ได้แก่ กลุ่มบริการขนส่งและโลจิสติกส์ 45.56% กลุ่มบริการไปรษณียภัณฑ์ 33.85% กลุ่มบริการระหว่างประเทศ 13.43% กลุ่มบริการค้าปลีกและการเงิน 4.90% กลุ่มธุรกิจอื่นๆ 0.96% และรายได้อื่นๆ 1.30%

ในปี 2567 ตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้กลุ่มบริการขนส่งและโลจิสติกส์ 46.12% กลุ่มบริการไปรษณียภัณฑ์ 32.48% กลุ่มบริการระหว่างประเทศ 13.98% กลุ่มบริการค้าปลีกและการเงิน 5.10% กลุ่มธุรกิจอื่นๆ 0.90% และรายได้อื่นๆ 1.42%

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo