Business

‘Food Delivery’ ปี 2567 เทรนด์ขาลงต่อเนื่อง คนทานร้านเพิ่ม-ราคาในแอปฯพุ่ง

กสิกรไทย ประเมินตลาด Food Delivery ปี2567 มูลค่าตลาด 8.6 หมื่นล้านบาท เทรนด์ลดลงต่อเนื่อง จากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดปี 2567 ปริมาณการสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชั่นหรือ ฟู้ด เดลิเวอรี (Food Delivery) น่าจะลดลงประมาณ 3.7% จากปี 2566 โดยเป็นผลมาจาก

Food Delivery

1. ความจำเป็นในการสั่งผ่านแอปฯ ลดลง เนื่องจากผู้บริโภคกลับไปทานอาหารที่ร้าน ตามการออกไปใช้ชีวิตนอกบ้าน และส่วนใหญ่ได้กลับมาทำงานเต็มสัปดาห์ตามปกติ

ผลสำรวจจาก ศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า แม้กลุ่มตัวอย่างที่ใช้บริการฟู้ด เดลิเวอรี เกือบทั้งหมด (94% ของผู้ตอบ) คิดว่ายังมีการใช้บริการฟู้ดเดลิเวอรี แต่ 48% ของกลุ่มตัวอย่างคิดว่าจะสั่งอาหารน้อยลง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากผลสำรวจในเดือนมิถุนายน 2566

ขณะเดียวกัน กลุ่มลูกค้าสมัครใหม่ชะลอลง สะท้อนได้จากดัชนีการสมัครใช้งานของ LINE MAN ที่ลดลง เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่มีการเข้าถึงการใช้บริการฟู้ด เดลิเวอรี นี้มากพอสมควรแล้ว

ลูกค้าสมัครใหมา

ดังนั้น ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มฯ จึงใช้กลยุทธ์ขยายฐานลูกค้า ด้วยการเพิ่มพื้นที่บริการในต่างจังหวัดอย่างในเมืองท่องเที่ยวรอง การเพิ่มบริการใหม่ ๆ และการขยายฐานแหล่งรายได้ใหม่ เช่น การเพิ่มส่วนลดการบริการเรียกรถ ส่วนลดการนั่งทานอาหารในร้านที่
เป็นพันธมิตร การสร้างพันธมิตรข้ามธุรกิจ

2. ราคาอาหารเฉลี่ยในแอปฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น กระทบต่อปริมาณการสั่ง ซึ่งเป็นผลมาจาก

2.1 ต้นทุนสะสมที่สูง ทำให้ร้านอาหารต้องปรับราคาขึ้นทั้งหน้าร้านและในแอปฯ

ที่ผ่านมา ธุรกิจร้านอาหารต้องเผชิญกับภาวะต้นทุนในการดำเนินธุรกิจที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อาทิ ค่าสาธารณูปโภค ค่าแรง ค่าวัตถุดิบและต้นทุนทางการเงินปรับตัวสูง ทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาอาหาร

ในปี2567 คาดว่าราคาอาหารเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 2.2% ต่อเนื่องจากราคาเฉลี่ยที่ปรับขึ้นประมาณ 5.7% ในปี 2566 ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจของ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า ส่วนหนึ่งมองว่าการสั่งอาหารจากแอปฯ มีราคาแพงขึ้น

อย่างไรก็ดี หนึ่งในทางเลือกเพื่อจัดการปัญหาต้นทุนวัตถุดิบอาหารสูงขึ้น คือการนำเทคโนโลยีการจัดการสต็อกที่มีประสิทธิภาพมาใช้ ทำให้ร้านอาหารสามารถวางแผนได้ดีขึ้น ตั้งแต่วิธีการสั่งซื้อและการบริหารสต็อกโดยใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์

2.2 การแข่งอัดโปรโมชั่นลดลง จากการที่แพลตฟอร์มหันมาเน้นสร้างกำไร หลังส่วนใหญ่บันทึกขาดทุนสะสม ปัจจุบัน ต้นทุนการทำธุรกิจของผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นฟู้ด เดลิเวอรี ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ความยืดหยุ่นในการทำตลาดด้วยการลดค่า GP (ค่าเฉลี่ย GP จัดเก็บอยู่ที่ประมาณ 30%) และรวมถึงส่วนลดในค่าจัดส่งมีข้อจำกัด

สั่งลดลง

อย่างไรก็ตาม ยังเห็นว่าผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นฟู้ด เดลิเวอรี ปรับกลยุทธ์การทำตลาดแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น (Selective Marketing) มากกว่าการทำตลาดในวงกว้าง (Mass Marketing) ดังเช่นที่ผ่านมา ด้วยการทำตลาดร่วมกับร้านอาหารที่ได้รับความนิยมหรือมีการสั่งซื้อที่สูง

ตัวอย่างเช่น การจัดแคมเปญส่วนลดค่าอาหารเมื่อซื้อครบตามที่กำหนด รวมถึงการใช้รูปแบบ Subscription Model ซึ่งช่วยให้ผู้สั่งประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง รวมถึงส่วนลดหรือไม่มีค่าใช้จ่ายในการใช้บริการอื่นในแอปฯ เช่น Ride Hailing และจัดส่งพัสดุตามแพคเกจ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

ประเมินตลาด Food Delivery ปี 2567 ลดลง 1%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในปี 2567 มูลค่าตลาดฟู้ด เดลิเวอรี จะอยู่ที่ประมาณ 8.6 หมื่นล้านบาท หรือหดตัว 1% จากปี 2566 แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการสั่งอาหารเฉลี่ยต่อครั้งน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น (Price per Order) ประมาณ 32.8% จากค่าเฉลี่ยในปี 2566 หรือมีราคาเฉลี่ยประมาณ 185 บาทต่อครั้งของการสั่ง ซึ่งจะมีผลตามมาต่อทั้งจำนวนครั้งและปริมาณการสั่งให้ลดลง

มูลค่าตลาด

ทั้งนี้ แม้เทรนด์การสั่งอาหารฟู้ด เดลิเวอรี จะมีทิศทางที่ชะลอลง อย่างไรก็ตาม ช่องทางนี้ยังสำคัญ เนื่องจากยังมีผู้บริโภคจำนวนมากยังคงมีการใช้บริการ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่จำเป็น อย่างเวลาเร่งด่วน หรือ Work From Home เป็นต้น

นอกจากนี้ ช่องทางนี้ก็มีความสำคัญต่อธุรกิจร้านอาหารที่มีสัดส่วนรายได้จากฟู้ด เดลิเวอรี สูงกว่าการให้บริการหน้าร้าน เช่น ร้านอาหารข้างทาง และร้านอาหารในกลุ่ม Fast Food

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo