กรมพัฒน์เผยปี 2566 ต่างชาติลงทุนไทย 127,532 ล้านบาท ญี่ปุ่นลงทุนอันดับหนึ่ง 32,148 ล้านบาท ตามด้วย สิงคโปร์ 25,405 ล้านบาท และฮ่องกง 17,325 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 6,845 คน
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ในปี 2566 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 รวมทั้งสิ้น 667 ราย
ทั้งนี้ แบ่งเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 228 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 439 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 127,532 ล้านบาท จ้างงานคนไทยรวม 6,845 คน
ชาวต่างชาติลงทุนไทย 5 อันดับแรก
1. ญี่ปุ่น จำนวน 137 ราย คิดเป็น 20.5% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทยในปี 2566 มีเงินลงทุน 32,148 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
- ธุรกิจบริการที่เป็นคู่สัญญากับภาคเอกชน (บริการขุดเจาะหลุมปิโตรเลียมภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย / บริการออกแบบ จัดหา ก่อสร้าง ติดตั้ง ทดสอบระบบ ซ่อมแซมและบำรุงรักษาท่อส่งก๊าซสำหรับโครงการก่อสร้างท่อส่งก๊าซ)
- ธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลการใช้ก๊าซเรือนกระจกในกิจกรรมต่างๆ ของธุรกิจ เป็นต้น
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (ชิ้นส่วนยานพาหนะ / ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์)
- ธุรกิจจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อการค้าส่งในประเทศ
2. สิงคโปร์ จำนวน 102 ราย คิดเป็น 15.3% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทยในปี 2566 มีเงินลงทุน 25,405 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
- ธุรกิจนายหน้าประกันชีวิต / ประกันวินาศภัย
- ธุรกิจโรงแรม
- ธุรกิจการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์
- ธุรกิจบริการพัฒนาแพลตฟอร์ม
3. สหรัฐ จำนวน 101 ราย คิดเป็น 15.1% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในปี 2566 มีเงินลงทุน 4,291 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
- ธุรกิจบริการทางวิศวกรรม
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า (ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม / ยารักษาโรค / อุปกรณ์กีฬา)
- ธุรกิจบริการออกแบบและพัฒนา ติดตั้ง วางระบบเกี่ยวกับโปรแกรมซอฟต์แวร์ (Software) และแอปพลิเคชัน (Application)
- ธุรกิจบริการให้คำปรึกษาแนะนำด้านการบริหารจัดการงานด้านต่างๆ เช่น ด้านการวางแผนทางธุรกิจ ด้านการประสานงานทางธุรกิจ ด้านการจัดการองค์กร เป็นต้น
4. จีน จำนวน 59 ราย คิดเป็น 8.9% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทยในปี 2566 มีเงินลงทุน 16,059 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
- ธุรกิจบริการก่อสร้าง รวมทั้งติดตั้งและทดสอบเกี่ยวกับการวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติและสถานีควบคุมก๊าซธรรมชาติ
- ธุรกิจบริการบำรุงรักษาหลุมขุดเจาะปิโตรเลียมบนชายฝั่ง
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (เครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรม / ชิ้นส่วนโลหะ และชิ้นส่วนพลาสติก / ชุดแบตเตอรี่สำหรับยานพาหนะไฟฟ้า)
- ธุรกิจกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) โดยเป็นการให้บริการแพลตฟอร์มกลางสำหรับซื้อ-ขายสินค้า
5. ฮ่องกง จำนวน 34 ราย คิดเป็น 5.1% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทยในปี 2566 มีเงินลงทุน 17,325 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
- ธุรกิจบริการบำรุงรักษา และซ่อมแซมรถยนต์ไฟฟ้า
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์/ ท่อเหล็กไร้ตะเข็บ / เม็ดพลาสติกรีไซเคิล)
- ธุรกิจบริการสินเชื่อแก่ผู้จัดจำหน่ายสินค้าที่เป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย
- ธุรกิจบริการจองบัตรโดยสารสายการบินผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
สำหรับการเข้ามาประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในไทยในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมข้างต้น มีส่วนช่วยในการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการขุดเจาะและการบำรุงรักษาหลุมปิโตรเลียม การออกแบบระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในโครงการรถไฟฟ้า ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก วิธีการบำรุงรักษาและดูแลชิ้นส่วน เครื่องมือ อุปกรณ์ สำหรับงานซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า เป็นต้น
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 พบว่า การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย เพิ่มขึ้น 84 ราย (14%) (ปี 2566 อนุญาต 667 ราย ปี 2565 อนุญาต 583 ราย) แม้มูลค่าการลงทุนจะลดลง 1,242 ล้านบาท (1%) (ปี 2566 ลงทุน 127,532 ล้านบาท ปี 2565 ลงทุน 128,774 ล้านบาท) แต่มีการจ้างงานคนไทยเพิ่มขึ้น 1,592 ราย คิดเป็น 30% (ปี 2566 จ้างงาน 6,845 คน ปี 2565 จ้างงาน 5,253 คน)
ส่วนการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ปี 2566 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 134 ราย คิดเป็น 20% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติในไทย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 13% มีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC 38,613 ล้านบาท คิดเป็น 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด
ขณะที่นักลงทุน มาจาก ญี่ปุ่น 44 ราย ลงทุน 7,053 ล้านบาท จีน 30 ราย ลงทุน 4,128 ล้านบาท ฮ่องกง 10 ราย ลงทุน 14,573 ล้านบาท และประเทศอื่น ๆ 50 ราย ลงทุน 12,859 ล้านบาท โดยธุรกิจที่ลงทุน อาทิ
- ธุรกิจบริการจัดหา ติดตั้ง ทดสอบ ซ่อมแซม บำรุงรักษา และฝึกอบรมเกี่ยวกับเครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ และระบบการทำงานต่างๆ ที่ใช้สำหรับโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตและประกอบยานยนต์ไฟฟ้า
- ธุรกิจบริการทางวิศวกรรม ด้านการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับธุรกิจ
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์/ ชิ้นส่วนโลหะ และชิ้นส่วนพลาสติก/ ชิ้นส่วนยานพาหนะ)
- ธุรกิจบริการปรับปรุง ซ่อมแซม REFRIGERATION AIR DRYER AIR FILTER
ทั้งนี้ เฉพาะเดือนธันวาคม 2566 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 55 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 19 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 36 ราย เงินลงทุน 29,244 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากฮ่องกง ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ มีการจ้างงานคนไทย 759 คน
ธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในเดือนธันวาคม 2566 ได้แก่
- ธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยประเภทการจัดการให้มีการประกันภัยโดยตรง
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (แผ่นยิปซั่ม / อุปกรณ์สำหรับสร้างการเคลื่อนที่ด้วยไฟฟ้า / ชิ้นส่วนของรถแทรกเตอร์เพื่อการเกษตร)
- ธุรกิจบริการคลาวด์ (Cloud Services) โดยเป็นการให้บริการในด้านซอฟต์แวร์ (SOFTWARE-AS-A-SERVICE) เพื่อจัดเก็บและบริหารจัดการข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
- ธุรกิจบริการตรวจสอบคุณภาพสินค้าประเภทชิ้นส่วนรถยนต์
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- 11 เดือนต่างชาติเดินหน้าลงทุนในไทย 9.8 หมื่นล้านบาท ญี่ปุ่นขึ้นแท่นอันดับ 1
- ‘ลงทุน-จ้างงาน’เพิ่ม! ต่างชาติลงทุนไทย 7 เดือนปีนี้ เพิ่มขึ้น 17%
- 7 เดือนแรก ต่างชาติลงทุนไทยเฉียด 6 หมื่นล้านบาท ‘ญี่ปุ่น’ นำโด่งลงทุนสูงสุด
ติดตามเราได้ที่
เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg