Business

เทรนด์ผู้บริโภคเปลี่ยน คลื่นความท้าทายลูกใหม่ที่ธุรกิจอสังหาฯ ต้องพร้อมรับมือในปี 67

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ชี้เทรนด์ธุรกิจอสังหาฯ ต้องเตรียมพร้อมรับมือผู้บริโภคยุค “ประหยัดอย่างชาญฉลาด” ควักกระเป๋าต้องคุ้มค่า ได้ความเป็นอยู่ที่ดีต่อสุขภาพและจิตใจ สไตล์คนรุ่นใหม่รักษ์โลก

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ยังคงเผชิญความท้าทาย ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค รวมไปถึงความท้าทายจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดย ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ คาดการณ์ 4 เทรนด์ผู้บริโภคต่อธุรกิจอสังหาฯ ไว้อย่างน่าสนใจ

ธุรกิจอสังหาฯ

นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า แม้โลกจะก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่การสำรวจเทรนด์ผู้บริโภคในปี 2567 กลับพบว่า ท่ามกลางความรวดเร็วนั้น การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคกลับใช้เวลาเพิ่มขึ้นเพื่อวิเคราะห์ว่า ตัวเลือกใดเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด

ทั้งนี้ ความคุ้มค่านั้นต้องสามารถตอบสนองได้ทั้งคุณภาพ ราคา และมอบประสบการณ์ที่แปลกใหม่ สิ่งสำคัญต้องใช้ประโยชน์ได้ยาวนานกว่าเก่า

ขณะเดียวกัน ยังสอดคล้องกับเทรนด์การตลาดในปี 2567 ที่แบรนด์ระดับแถวหน้าต่างให้ความสำคัญกับ 3 ปัจจัยหลัก คือ ผู้บริโภค (Consumer) ฐานข้อมูล (Data) และ กระแสความยั่งยืน (Sustainability) เพราะเป็น 3 กุญแจสำคัญที่จะไขประตูสู่ความสำเร็จได้ด้วยการนำข้อมูลต่าง ๆ มาพัฒนากลยุทธ์ให้เข้าถึงและเข้าใจผู้บริโภคแต่ละกลุ่มได้ดียิ่งขึ้น

เราพบว่าในปี 25674 เทรนด์ของผู้บริโภคจะเริ่มเปลี่ยนเข้าสู่ยุคประหยัดอย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะกลุ่มตลาดบ้าน real demand

นายชูรัชฏ์ กล่าว “ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ค่อนข้างเน้นตลาดในกลุ่ม real demand มาโดยตลอด ดังนั้นการทำความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับเทรนด์ผู้บริโภค จึงเป็นเรื่องสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ ที่ผ่านมาเราเตรียมพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของกระแสนิยมผู้บริโภคมาโดยตลอด

ชูรัชฏ์ ชาครกุล
ชูรัชฏ์ ชาครกุล

สรุป 4 เทรนด์ผู้บริโภคในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 

1. ให้ความสำคัญต่อประสบการณ์ใหม่

การส่งมอบประสบการณ์ใหม่สู่มือผู้บริโภค ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องใส่ใจ จะเห็นได้ทั้งกรณีที่แบรนด์เป็นผู้พัฒนาประสบการณ์นั้นขึ้นเอง หรือเป็นการจับมือร่วมกับแบรนด์อื่นๆ เพื่อมอบประสบการณ์และสิทธิพิเศษใหม่ ๆ ก็ยังเป็นแนวทางที่ผู้บริโภคตอบรับ

นอกจากนี้ การใช้เครื่องมือในการจับกระแสโซเชียลเพื่อคอยอัปเดตเทรนด์ที่กำลังมา และหยิบสิ่งเหล่านั้นมานำเสนอเป็นสินค้าและบริการที่อินเทรนด์ก็เป็นอีกโอกาสทางการตลาดที่ไม่ควรมองข้าม

2. ให้ความสำคัญกับสุขภาพกายและใจเป็นหลัก

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการให้ความสำคัญต่อสุขภาพกายและใจเป็นอีกหนึ่งกระแสนิยมที่ชัดเจนขึ้นมากหลังเกิดสถานการณ์โควิด-19 ดังนั้นคำว่า บ้านสุขภาพ จึงต้องเกิดขึ้นได้จริงอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อดูดซับกำลังซื้อในกลุ่มนี้ที่มักคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดต่อทั้งใจและกาย แสวงหาผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถสะท้อนการอยู่กับปัจจุบันได้อย่างดี ท่ามกลางธรรมชาติที่สัมผัสได้เต็มที่

3. ให้ความสำคัญต่อการสร้างชีวิตที่สมดุลกว่าเดิม

ปัจจุบันคนในสังคมส่วนใหญ่จะทุ่มเทเวลาไปกับงาน ทำให้เกิดการขาดสมดุลในการใช้ชีวิต และเมื่อถึงขีดสุดที่ชีวิตจะรับได้คนส่วนใหญ่จะหยุดนิ่ง และหันกลับมามองและหาวิถีสร้างสมดุลชีวิตให้เกิดขึ้น ปฏิเสธไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบและขับเคลื่อนด้วยเงินเพียงอย่างเดียว

หลายคนเริ่มมองหาความสุขจากสิ่งพื้นฐานและการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ยืดหยุ่นกับตัวเองได้มากขึ้น ดังนั้นการมองหาที่อยู่อาศัยก็ต้องยืดหยุ่นกับทุกโมเมนต์การใช้ชีวิตได้ด้วยเช่นกัน

4. ให้ความสำคัญต่อการแสวงหาและเพิ่มคุณค่าสูงสุดอย่างสมเหตุสมผล

เทรนด์นี้จะชัดเจนมากในกลุ่มผู้บริโภคเจนใหม่ๆ ที่การตัดสินใจแต่ละครั้งจะอยู่บนความรอบคอบและชาญฉลาดเสมอ สิ่งที่คนกลุ่มนี้มองหาคือ การเพิ่มคุณค่าสูงสุดอย่างสมเหตุสมผลระหว่างคุณภาพและราคา รวมไปถึงการออกแบบฟังก์ชันภายในบ้านที่สามารถรองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย นับเป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อบ้านในกลุ่มคนรุ่นใหม่

สำหรับ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ถือเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่นำเทรนด์ผู้บริโภคมาพัฒนาใช้ในแผนธุรกิจอยู่เสมอ อาทิ การนำเสนอแบบบ้านที่ฉีกตลาดกับแนว French Colonial Style การพัฒนาฟังก์ชันภายในบ้านให้เป็นได้มากกว่าบ้าน สามารถยืดหยุ่นได้ตามไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัย

พร้อมกันนี้ ยังรวมถึงการกำหนดนิยามคำว่า คุ้มค่าคุ้มราคา ให้เกิดขึ้นจริงด้วยการพัฒนาตลาดบ้าน real demand ในทำเลบ้านระดับไฮเอนด์ที่ทำให้โครงการของ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ได้รับการตอบรับจากตลาดแบบดีเกินคาด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo