Business

‘ฟรีวีซ่าจีน’ ดีต่อใครบ้าง?

ฟรีวีซ่าจีน นโยบายของรัฐบาล เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางเข้าไทย  ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ชั่วคราวช่วงไฮซีซั่น คาดเริ่ม 1 ตุลาคมนี้ ดีต่อใครบ้าง?

หลังการฟอร์มรัฐบาลใหม่สำเร็จเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่หลายฝ่ายจับตา คือแผนผลักดันเศรษฐกิจที่จะทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดรัฐบาลก็เตรียมผลักดันนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว ด้วยมาตรการ “ฟรีวีซ่าจีน” สำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทย

โดยมีรายละเอียดคือจะอนุญาติให้ชาวจีนสามารถเดินทางเข้าประเทศแบบไม่ต้องขอวีซ่า ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม เป็นการชั่วคราวในช่วงไฮซีซั่นนี้ คาดว่าจะเริ่มต้นได้ภายในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ เนื่องจากมองว่าเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มสำคัญที่มีกำลังซื้อสูง และเป็นการใช้ยาแรงเพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยตามเป้าหมาย 5 ล้านคนในปีนี้

ฟรีวีซ่าจีน

ฟรีวีซ่าจีนดึงนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยเพิ่ม 5-7 แสนคน

ก่อนหน้านี้ นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  กล่าวว่า หากมาตรการฟรีวีซ่า สำหรับนักท่องเที่ยวจีน ถูกนำมาใช้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จะเป็นปัจจัยบวกสนับสนุนให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นประมาณ 5-7 แสนคน คาดว่าจำนวนที่เพิ่มขึ้นนี้จะทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยปี 2566 รวมกว่า 4.2 ล้านคน ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5 ล้านคน

สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยในช่วง 8 เดือนแรกที่ผ่านมา (1 ม.ค. – 27 ส.ค.) อยู่ที่ 17,500,000 คน มาจากนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 2,182,038 คน สูงเป็นอันดับ 2 รองจากมาเลเซีย ทั้งนี้ หากจำนวนนักท่องเที่ยวสูงขึ้น ย่อมหมายถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้นตามด้วย ซึ่งจะส่งผลดีต่อการฟื้นฟูการเติบโตของเศรษฐกิจไทยได้จำนวนมาก

ฟรีวีซ่าจีน

คำถามคือหากนโยบายฟรีวีซ่าจีนเกิดขึ้นจริง หุ้นกลุ่มไหนจะได้รับประโยชน์บ้าง?

มุมมองนักวิเคราะห์ บล. เอเซีย พลัส ประเมินหุ้นที่ได้ประโยชน์ชัดเจน คือ หุ้นสนามบิน และหุ้นโรงแรม ซึ่งมองว่ามาตรการดังกล่าวจะมาได้จังหวะช่วง Golden Week หรือวันหยุดยาวของจีน และยังตรงกับสัปดาห์แรกของไตรมาส 4 พอดี โดยประเมินว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยจูงใจการเดินทางของกลุ่มทัวร์ในช่วง High season มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนมาไทยเป็นการขอ VISA on arrival ราว 80% และ 20% เป็น eVISA

ดังนั้น หุ้นกลุ่มแรกที่รับผลดี ได้แก่ ผู้ให้บริการสนามบินอย่าง AOT หรือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะดีต่อการดำเนินธุรกิจทั้งในเชิงปริมาณผู้โดยสารระหว่างประเทศ และรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ ไม่ว่าจะในส่วนของ Duty free ที่สุวรรณภูมิ และการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์

กลุ่มถัดมาคือ กลุ่มธุรกิจโรงแรม ได้แก่ CENTEL หรือ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน), ERW หรือ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), MINT หรือ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เนื่องจากการเข้ามาของปริมาณนักท่องเที่ยวที่สูงขึ้น คาดเป็นแรงขับเคลื่อนให้ค่าห้องพักเฉลี่ย (ADR) ยืนในระดับสูงต่อเนื่อง หากเรียงตามสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในไทย อันดับหนึ่งจะเป็น ERW ตามมาด้วย CENTEL และ MINT

ฟรีวีซ่าจีน

นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มอื่นๆ ที่จะได้รับประโยชน์เพิ่มเติม ได้แก่ ผู้ให้บริการศูนย์การค้า CPN และร้านอาหารในศูนย์การค้า เช่น AU, M, CENTEL และ MINT เพราะเมื่อปริมาณนักท่องเที่ยวที่มีทิศทางสูงขึ้น ก็จะผลักดันให้ยอดการเข้าใช้บริการในศูนย์การค้าเพิ่มขึ้นไปด้วย ส่วนในระยะยาวมีโอกาสที่จะหนุนการเติบโตไปสู่กลุ่ม medical tourism มากยิ่งขึ้นฟรีวีซ่าจีน

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน