ปิดตำนานปั๊มเอสโซ่ 129 ปี ปั๊มน้ำมันพี่เสือในประเทศไทย เหลือไว้แต่ความทรงจำ ดีเดย์ 1 ก.ย. 66 เข้าสู่ “บางจาก” พร้อม 700 สถานีบริการน้ำมัน ภายใน 2 ปี
แล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ 31 สิงหาคม 2566 วันสุดท้ายของการปิดตำนานปั๊มเอสโซ่ ปั๊มน้ำมันตราเสือ ในประเทศไทย ที่มีอายุยาวนานถึง 129 ปี หรือกว่าหนึ่งศตวรรษ นับจากนี้ไปคงเหลือแต่ภาพทรงจำที่ดี ๆ ต่อผู้ใช้บริการ และผูัที่มีส่วนเกี่ยวข้องตลอดเวลาที่ผ่านมา
แต่แล้วก็ต้องเข้าสู่โหมดปิดตำนานปั๊มเอสโซ่ไป เนื่องด้วยเมื่อต้นปี 2566 บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เข้าซื้อกิจการของ บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย)ไปจนกลายเป็นที่สนใจของผู้คนทั่วไปและแวดวงธุรกิจน้ำมัน
ปิดตำนานปั๊มเอสโซ่
การเข้าซื้อกิจการ เอสโซ่ ประเทศไทย ของบางจากครั้งนี้ เริ่มตั้งแต่ 12 มกราคม 2566 ทั้ง 2 บริษัท ทำสัญญาซื้อขายหุ้นสามัญของ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO ในวันที่ 11 มกราคม 2566 จำนวน 2,283,750,000 หุ้น หรือคิดเป็น 65.99% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออก และจำหน่ายแล้วทั้งหมดของเอสโซ่ จาก ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd. (ผู้ขาย) โดยมีมูลค่ากิจการ 55,000 บาท
25 สิงหาคม 2566 บางจาก ได้รายงานความคืบหน้าการเข้าซื้อกิจการ เอสโซ่ ประเทศไทย ระบุว่า บริษัทจะดำเนินการซื้อหุ้นจำนวนดังกล่าวจากผู้ขายในมูลค่า 22,605,926,000 บาท หรือคิดเป็นราคา 9.8986 บาทต่อหุ้น (โดยการปัดเศษทศนิยม 4 ตำแหน่ง) และชำระราคาค่าหุ้นสามัญให้กับผู้ขาย วันที่ 31 สิงหาคม 2566 มีการทำ Tender Offer หุ้นส่วนที่เหลืออีก 34.01% หุ้นละ 9.8986 บาท มูลค่ารวม 11,651,721,248.80 บาท ในวันที่ 8 กันยายน – 12 ตุลาคม 2566 ชำระราคาหลักทรัพย์ในวันที่ 17 ตุลาคม 2566
กลุ่มบริษัทบางจากประกาศกำลังทยอยเปลี่ยนป้ายสถานีบริการจาก “เอสโซ่” เป็น “บางจาก” ร่วม 700 สถานี ทั่วประเทศภายใน 2 ปีนี้ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2566
BCP จะได้รับจาก ESSO
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บอกว่าการลงทุนครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญสู่ความมั่นคงทางพลังงานที่มากขึ้นของบางจากฯ และประเทศไทย เป็นการลงทุนที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่เพิ่มความยั่งยืน เพิ่มการเข้าถึงพลังงานได้ง่ายขึ้น เชื่อว่าการทำธุรกรรมครั้งนี้ ถือเป็นการพลิกโฉมสู่บริบทใหม่สำหรับบางจากฯ และประเทศไทย
การลงทุนครั้งนี้มีสินทรัพย์ที่เข้ามา คือ โรงกลั่นน้ำมันกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน เครือข่ายคลังน้ำมัน และสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 700 แห่ง จะทยอยเปลี่ยนมาเป็นปั๊มภายใต้แบรนด์ของบางจากทั้งหมด โดยมีระยะเวลาดำเนินการปรับเปลี่ยนให้เสร็จภายใน 2 ปี
ดีลนี้สำเร็จ BCP จะมีกำลังการกลั่นน้ำมันรวม 294,000 บาร์เรลต่อวัน ถือว่าใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีเครือข่ายสถานีบริการกว่า 2,100 แห่ง ก่อให้เกิดการประหยัดเชิงขนาดและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนของบริษัท
ฉะนั้นเราลองมาย้อนมองกลับไปที่จุดเริ่มต้นของเอสโซ่ดูว่าเป็นมาอย่างไรกว่าจะมาถึงจุดนี้ เชื่อว่าอีกหลายๆคนอาจจะเกิดไม่ทัน และยังไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นการทำธุรกิจนำ้มันเขาเข้ามาอย่างไร The Bangkok Insight จะมาไปส่องที่ไปที่มากันเลย
ย้อนตำนาน 129 ปี ปั๊มเอสโซ่ ก่อนจะมาเป็นวันนี้
พ.ศ. 2437
บริษัท แสตนดาร์ดออยล์ แห่งนิวยอร์ก เปิดสาขาในประเทศไทยที่ตรอกกัปตันบุช จำหน่ายน้ำมันก๊าดตราไก่และตรานกอินทรี
พ.ศ. 2474
บริษัท แสตนดาร์ดออยล์ แห่งนิวยอร์ก และบริษัท แว๊คคั่มออยล์ ร่วมกันจัดตั้ง บริษัท โซโกนีแว๊คคั่ม คอร์ปอเรชั่น และจำหน่ายผลิตภัณฑ์หล่อลื่นตรา “การ์กอยส์”
พ.ศ. 2476
ร่วมทุนกับบริษัทแสตนดาร์ดออยส์ (นิวเจอร์ซี) และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท แสตนดาร์ดแว๊คคั่มออยล์ จำกัด ใช้เครื่องหมายการค้า “ม้าบิน”
พ.ศ. 2490
รับชื้อกิจการคลังน้ำมันช่องนนทรีจากกรมเชื้อเพลิงมาดำเนินการ
พ.ศ. 2505
เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น บริษัท เอสโซ่ แสตนดาร์ด อีสเทอร์น จำกัด ในวันที่ 1 เมษายน 2505 และเปลี่ยนแปลงเครื่องหมายการค้าจาก “ตราม้าบิน” มาเป็น “ตราเอสโซ่” ในวงรีรูปไข่
พ.ศ. 2508
เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท เอสโซ่ แสตนดาร์ด ประเทศไทย จำกัด
พ.ศ. 2510
ซื้อโรงงานจาก บริษัท ยางมะตอยไทย เพื่อจัดตั้ง โรงกลั่นน้ำมัน เอสโซ่ ศรีราชา
พ.ศ. 2514
ขยายโรงกลั่นครั้งแรก เพิ่มกำลังการผลิตเป็น 35,000 บาร์เรลต่อวัน
พ.ศ. 2515
ย้ายสำนักงานใหญ่ไปยังเลขที่ 1016 ถนนพระราม 4 ตรงข้ามสวนลุมพินี
พ.ศ. 2519
ขยายโรงกลั่น ครั้งที่ 2 เพิ่มกำลังการผลิตเป็น 46,000 บาร์เรล ต่อวัน
พ.ศ. 2522
จัดตั้งบริษัท เอสโซ่ เอ็กซ์โพลเรชั่น แอนด์ โพรดักชั่น โคราช อิงค์ โดยได้รับสัมปทาน การสำรวจและขุดเจาะหาพลังงานบนแหล่งที่ราบสูงโคราช และพบก๊าซธรรมชาติที่หลุมน้ำพอง จ.ขอนแก่น ภายหลัง บริษัทฯ เปลี่ยนชื่อเป็น เอ็กซอนโมบิล เอ็กซ์โพลเรชั่น แอนด์ โพรดักชั่น โคราช อิงค์
พ.ศ. 2528
ขยายโรงกลั่นเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 63,000 บาร์เรลต่อวัน
พ.ศ. 2534
ได้รับการอนุมัติให้ขยายกำลังการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่ศรีราชาเป็น 185,000 บาร์เรลต่อวัน ร่วมมือกับบริษัทน้ำมันชั้นนำต่างๆ
จัดตั้ง บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด เพื่อวางท่อขนส่งน้ำมันจากโรงกลั่นศรีราชาไปยังลำลูกกา ดอนเมือง และสระบุรี
ปิดตำนานปั๊มเอสโซ่ เหลือไว้แต่ความทรงจำ
พ.ศ. 2539
เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
พ.ศ. 2541
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานตราครุฑ แก่บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
เริ่มการก่อสร้างโรงงานอะโรเมติกส์ในบริเวณโรงกลั่นน้ำมัน เอสโซ่ศรีราชา
พ.ศ. 2544
ได้มาซึ่งกิจการของบริษัท โมบิลออยล์ ไทยแลนด์ จำกัด และดำเนินธุรกิจภายใต้ชื่อ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
พ.ศ. 2545
จัดตั้งบริษัท เอ็กซอนโมบิล จำกัด เพื่อให้บริการแก่บริษัทในเครือเอ็กซอนโมบิลทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
พ.ศ. 2546
จัดตั้งศูนย์บริการธุรกิจกรุงเทพ อย่างเป็นทางการ
พ.ศ. 2551
บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
พ.ศ. 2554
บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ฉลองความสำเร็จ โครงการน้ำมันสะอาด ด้วยเงินลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท
ปิดตำนานปั๊มเอสโซ่ 129 ปีในเมืองไทย
พ.ศ. 2557
ดำเนินกิจการในประเทศไทยครบรอบ 120 ปี และปรับโฉมสถานีบริการน้ำมันรูปแบบใหม่
พ.ศ. 2562
เปลี่ยนชื่อ ศูนย์บริการธุรกิจกรุงเทพ เป็น ศูนย์บริการธุรกิจระดับโลก
ฉลองการดำเนินกิจการในประเทศไทย ครบ 125 ปี
ขอบคุณข้อมูล-ภาพ: เว็บไซต์ https://www.esso.co.th/th-th, วิกิพีเดีย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ไฟเขียว ‘บางจาก’ ควบรวม ‘เอสโซ่’ คาดอัพไซด์ 5-8 บาทต่อหุ้น
- ‘บางจาก’ ซื้อกิจการ ‘เอสโซ่’ มูลค่า 5.5 หมื่นล้าน คาดปิดดีลครึ่งหลังปี 66
- ‘GULF’ ซื้อกิจการ ‘โรงไฟฟ้าขยะชุมชน เชียงใหม่’ มุ่งหน้าขยายธุรกิจ ‘พลังงานหมุนเวียน’