Business

‘ธนวรรธน์’ ประเมินเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท หมุนเข้าระบบ 2-3 รอบ กระตุ้นเศรษฐกิจปี 67 โต 5-7%

อธิการบดี ม.หอการค้าไทย คาดนโยบายเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 เติบโต 5-7% จากเงินหมุนเข้าระบบ 2-3 รอบ ประชาชนใช้เงิน 1 แสนล้านบาท

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะดำเนินนโยบายเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทได้ตามที่หาเสียงไว้ แม้จะต้องใช้งบสูงถึงกว่า 5 แสนล้านบาท เพราะในรัฐบาลประยุทธ์ที่ตั้งงบประมาณรายจ่าย 3 ล้านล้านบาท ยังทำงบประมาณขาดดุลไว้ 7 แสนล้านบาท

เงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลใหม่จะต้องพูดคุยกับสำนักงบประมาณ ให้ขยับการใช้งบประมาณปี 2567 บางส่วนออกไป เชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะรักษาวินัยการการคลังได้ ไม่ให้ขาดดุลเกิน 60% แม้จะมีเพดานไว้ที่ 70% หรือไม่เกิน 4% ของ GDP

อีกทางหนึ่งคือ รัฐบาลอาจทยอยให้เงินเป็น 3 งวด ไตรมาสแรก 4,000 บาท ไตรมาส 2 ให้ 3,000 บาท และไตรมาส 3 อีก 3,000 บาท ก็จะทำให้เงินหมุนจากงบประมาณปี 2567 ถึงในปีงบประมาณปี 2568 ได้

ทั้งนี้ หากมีการใช้นโยบายเงินดิจิทัล สิ่งที่จะได้กลับมาคือภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% หรือประมาณ 3-3.5 หมื่นล้านบาทเข้าคลัง ปีถัดมาจะได้ภาษีนิติบุคคลจากร้านค้าที่มีรายได้กำไรมากขึ้น และที่สำคัญจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในปีหน้าให้เติบโต 5-7% จากปีนี้ที่ 2-3% เพราะเงินจะหมุนไป 2-3 รอบ

นายธนวรรธน์ พลวิชัย
นายธนวรรธน์ พลวิชัย

ขณะเดียวกัน คาดจะเริ่มใช้เงินดิจิทัลได้ประมาณต้นปี 2567 ถึงเดือน เมษายน 2567 ซึ่งในระยะแรกประชาชนจะใช้เงินราว 1 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ ยังเห็นว่า เมื่อสถานการณ์การเมืองเริ่มนิ่ง รัฐบาลควรโรดโชว์ในต่างประเทศเพื่อดึงเม็ดเงินลงทุน โปรโมทการท่องเที่ยวไทย เพราะคนกล้าใช้จ่าย เอกชนทั้งไทยและต่างประเทศกล้าลงทุน

ขณะที่ภาคส่งออกไทยน่าจะฟื้นจากปีนี้ติดลบ 1-2% เนื่องจากตลาดต่างประเทศมีปัจจัยลบรุมเร้าจากเศรษฐกิจโลกทรุดตัวจากการปรับขึ้นดอกเบี้ย เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้า แต่ไอเอ็มเอฟคาดเศรษฐกิจปีหน้าจะฟื้นตัวดีขึ้น คาดปีหน้าส่งออกขยายตัว 3-5% ภายใต้ปัจจัยเสี่ยงจากภัยแล้ง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo