ขุมทรัพย์ใหม่หุ้นโรงไฟฟ้า เวียดนามเคาะแผน PDP 1.5 แสนเมกะวัตต์ คาดประกาศรับซื้อไฟฟ้าอย่างเป็นทางการ จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2566
กลายเป็นโอกาสสำคัญครั้งใหม่ของบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าทันที ล่าสุดรัฐบาลเวียดนามประกาศแผนเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าในประเทศ เพื่อรองรับความมั่นคงด้านพลังงาน และหนุนการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมอุตสาหกรรม ด้วยการอนุมัติร่างแผนพัฒนาพลังงาน PDP ใหม่ฉบับที่ 8 ภายในปี 2573 มีกำลังผลิตรวม 150,489 เมกะวัตต์ (MW)
แผนกำลังการผลิต 150,489 MW แบ่งเป็น
1. พลังงานลม 18.5%
2. พลังงานแสงอาทิตย์ 8.5%
3. พลังงานชีวมวล 1.5%
4. พลังงานน้ำ 21.1%
5. โครงการถ่านหิน 20.0%
6. โครงการก๊าซธรรมชาติและ LNG 24.8%
7. กำลังผลิตไฟฟ้าที่นำเข้าจากต่างประเทศอีก 3.3%
ความน่าสนใจของแผน PDP เวียดนาม คือจำนวนกำลังการผลิตที่กระโดดขึ้นมาเกือบเท่าตัว รวมถึงกว่าครึ่งนึงเป็นสัดส่วนพลังงานสะอาด เพื่อสอดคล้องกับเป้าหมายที่จะสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับภูมิภาคอาเซียนและมุ่งสู่ Net Zero ภายในปี 2573
เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาอีก 2 – 3 เดือน สำหรับพิจารณารายละเอียดในการรับซื้อไฟฟ้า ดังนั้น การประกาศรับซื้อไฟฟ้าอย่างเป็นทางการ น่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 จนถึงช่วงต้นปี 2567 เพื่อให้โรงไฟฟ้าในแผนนี้สามารถเริ่ม COD ประมาณปี 2568 เป็นต้นไป
หุ้นโรงไฟฟ้าตัวไหนรับผลดี
หากรัฐบาลเวียดนามเปิดประมูลขายไฟฟ้ารอบใหม่ตามแผน แน่นอนว่าจะเป็นผลบวกต่อหุ้นโรงไฟฟ้าอย่างมีนัยสำคัญ เพราะเปิดโอกาสให้บริษัทจดทะเบียนในไทยที่มีความชำนาญได้เข้าร่วมชิงเค้กก้อนใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีหลายบริษัทเข้าไปดำเนินธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในเวียดนามอยู่แล้ว
บล.บียอนด์ ให้มุมมองว่า ประเภทโรงไฟฟ้าที่บริษัทไทยได้เปรียบมากที่สุด คือ LNG to power หรือก๊าซธรรมชาติที่ถูกแปรสภาพให้อยู่ในรูปของเหลว รวมถึงพลังงานลมที่การแข่งขันยังไม่รุนแรงมากนัก ทำให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนในระดับ 2 หลักได้อยู่ อีกทั้งบริษัทไทยหลายแห่งได้เข้าไปลงทุนในเวียดนามพอสมควรจึงมีความคุ้นเคยอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม มองว่าพลังงานแสงอาทิตย์ อาจจะเข้าไปแข่งขันลำบากแล้ว เพราะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็น Red Ocean จากคู่แข่งในหลายประเทศทั้งจีนและญี่ปุ่น ซึ่งสามารถผลิตแผงโซล่าเซลล์ได้เอง จึงมีต้นทุนที่ถูกกว่า
ดังนั้น แนะนำหุ้นไทยที่มีจะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากแผน PDP เวียดนามฉบับใหม่ ได้แก่ GULF หรือ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน), GUNKUL หรือ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) และ SSP หรือ บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ด้านฝ่ายวิจัย บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) วิเคราะห์ว่าประเด็นดังกล่าวจะเป็นปัจจัยหนุนการขยายพอร์ต การลงทุนในต่างประเทศของกลุ่มโรงไฟฟ้าไทย ผู้ที่จะได้รับประโยชน์สูงคือโรงไฟฟ้าที่เคยพัฒนาโครงการในเวียดนามมาก่อนแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มที่เน้นการลงทุนในโครงการลมและก๊าซธรรมชาติ เช่น
BPP หรือ บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน), BGRIM หรือ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน), GULF หรือ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน), GUNKUL หรือ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน), SSP หรือ บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ SUPER หรือ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘GULF’ เปิดผลประกอบการไตรมาส 1/2566 กำไรโต 13% แรงหนุนธุรกิจพลังงาน-ส่วนแบ่งกำไร INTUCH
- ‘GULF’ ประสบความความสำเร็จ ออกครั้งแรก ‘กรีน บอนด์’ 8 พันล้านบาท ต่อยอดธุรกิจพลังงานสะอาด
- ทุบสถิติ! GULF ทำกำไรปี 65 พุ่ง 37% ทะลุ 1.2 หมื่นล้านบาท
