Business

‘ศุภชัย’ ชง 7 ข้อเสนอรัฐบาลใหม่ ตีโจทย์ทรานส์ฟอร์มสู่ ‘ไทยแลนด์ 5.0’

“ศุภชัย” เสนอ 7 นโยบายทรานส์ฟอร์มประเทศไทยถึงรัฐบาลชุดใหม่ ภายใต้โจทย์ใหญ่ไทยแลนด์ 5.0 เปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล 

สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย นำโดย นายศุภชัย เจียรวนนท์  ประธานสภาดิจิทัลฯ พร้อมด้วย ที่ปรึกษาทรงคุณวุฒิ รองประธาน คณะกรรมการ สมาคมสมาชิก และองค์กรพันธมิตร ร่วมแถลงในงาน สภาดิจิทัลฯ กับโจทย์ใหญ่ไทยแลนด์ 5.0  เปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล

ศุภชัย

ทั้งนี้ ได้นำเสนอนโยบายสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ด้วยการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม ยกระดับการทำงานภาครัฐไปสู่รัฐบาลดิจิทัล ปลดล็อกศักยภาพทรัพยากรมนุษย์

พร้อมกันนี้ ยังตั้งเป้าดึงดูดการลงทุน ผลัก­ดันให้เกิดเทคสตาร์ทอัพ 2 หมื่นบริษัทในไทย สร้างศักยภาพการแข่งขันด้านเทคโนโลยีดิจิทัลทุกมิติ ดันไทยเป็นศูนย์กลางแห่งเทคโนโลยีในภูมิภาค

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สภาดิจิทัลฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญในการผลักดันนโยบายด้านเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล เพื่อการพัฒนาประเทศให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก สร้างขีดความสามารถให้แก่ประเทศไทย ทำให้คนไทยและธุรกิจไทยแข็งแกร่ง

สำหรับนโยบายทรานส์ฟอร์มประเทศไทย มุ่งสร้างศักยภาพการแข่งขันด้านเทคโนโลยีดิจิทัลทุกมิติ เพื่อเป็นแนวทางให้พรรคการเมืองนำไปกำหนดเป็นนโยบายพัฒนาประเทศ ยกระดับเศรษฐกิจไทยให้มีความแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับสร้างขีดความสามารถการแข่งขันสูงขึ้น

 

ปัจจุบัน อันดับการแข่งขันในเวทีโลกด้านเศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่อันดับที่ 26 และอันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลอยู่อันดับที่ 40 อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานด้านสื่อสารอยู่อันดับที่ 15 ของโลก รวมถึงทักษะภาษาอังกฤษอันดับที่ 97

ศุภชัย

นอกจากนั้นด้านการลงทุน พบว่า ต่างประเทศลงทุนด้านเทคโนโลยีเหลือเพียง 2% ของมูลค่ารวมอาเซียน ดังนั้น จะเห็นว่าประเทศไทยมีจุดที่สามารถพัฒนาได้อีกมาก

ขณะที่ความท้าทายของโลกและของประเทศไทยมี 4 ประการ ประกอบด้วย ความเหลื่อมล้ำ การเข้าถึงแหล่งทุน, การเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัล, การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และโลกแบ่งขั้ว ประเด็นท้าทายข้างต้นเหล่านี้สามารถสะท้อนให้เห็นถึงการขับเคลื่อนด้วยการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีดิจิทัลทั้งสิ้น

สิ่งสำคัญที่ประเทศไทยสามารถก้าวข้ามความท้าทายในระดับโลกได้ คือ นโยบายทรานส์ฟอร์มประเทศไทย ขับเคลื่อนประเทศสู่ยุค 5.0 ซึ่งสภาดิจิทัล ฯ ได้เสนอแนวทางสำคัญ 5 ด้าน ที่จะเสริมศักยภาพและขีดความสามารถด้านการแข่งขันของไทยให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน ประกอบด้วย

1. บูรณาการให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม (PUBLIC-PRIVATE-PARTNERSHIP) เพื่อวางรากฐานของการพัฒนาประเทศในทุกด้าน โดยการยกระดับการทำงานของภาครัฐสู่รัฐบาลดิจิทัล (E-Government)

 

ทั้งนี้ เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ และผสานความร่วมมือในประเด็นที่คาบเกี่ยวกันหรือทับซ้อนระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ทำให้เกิดความโปร่งใส เร่งดึงคนเก่งและคนดีเข้าสู่การทำงานภาครัฐในระดับบริหารด้วยการปรับเงินเดือนเทียบเท่าหรือสูงกว่าเอกชน

ขณะเดียวกัน ควรมีข้าราชการที่มีทักษะดิจิทัลอย่างน้อย 20% รวมถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างประเทศ ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันผลักดันให้ไทยสามารถขับเคลื่อนสู่เศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างแท้จริง

ศุภชัย4

2. สร้างคนทักษะดิจิทัลโดยการปฏิรูปการศึกษา ตั้งเป้า 6% ของคนไทยอายุ 6 ปีขึ้นไปมีทักษะดิจิทัลขั้นสูง ภายในปี 2570

แม้ประเทศไทยมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แต่ในปัจจุบันคนไทยที่มีทักษะดิจิทัลขั้นสูง (เขียนโปรแกรมได้) ยังมีเพียง 7 แสนคนหรือ 1% ในขณะที่มาเลเซียมีมากถึง 16% ซึ่งระดับทักษะดิจิทัลของคนในประเทศ ย่อมส่งผลกระทบทั้งด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมต่าง ๆ การวิจัยพัฒนานวัตกรรม การวางแผนการพัฒนาบุคคลากรและการดึงดูดการลงทุน

การแก้ไขปัญหาถือเป็นเรื่องเร่งด่วน โดยควรปฏิรูปการศึกษา (Education Reform) เริ่มจากการวางวิชาพื้นฐานในระดับเยาวชน ด้วยหลักสูตรด้านเทคโนโลยีในการศึกษาภาคบังคับ การเรียนภาษาคอมพิวเตอร์ และ Computer Science เป็นวิชาหลัก

รวมทั้งผลักดันให้เยาวชนไทย 7 ล้านคน มีคอมพิวเตอร์ที่มีการคัดกรองเนื้อหาที่ดี เพื่อให้เข้าถึงการค้นคว้า วิจัย พัฒนานวัตกรรม รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรมในการใช้เทคโนโลยี

นอกจากนั้นยังควรปลูกฝังความเป็นผู้ประกอบการตั้งแต่ระดับนักเรียน นักศึกษา รวมทั้ง ส่งเสริมทักษะด้านภาษาอังกฤษและภาษาจีน ก่อนเข้าสู่โลกธุรกิจจริงในอนาคต ระดับโรงเรียนต้องสร้างแหล่งเรียนรู้เชิงประสบการณ์ ระดับมหาวิทยาลัยต้องมีศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรม และในระดับเมืองควรเป็นคลัสเตอร์แห่งเทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งล้วนเป็นรากฐานสำคัญให้เกิดการพัฒนาทักษะดิจิทัลในทุกระดับ

3. สร้างเศรษฐกิจดิจิทัล ยกระดับอุตสาหกรรมดิจิทัลไทย ให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก

ประเทศไทยมีความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล แต่ปัจจุบันเรายังเป็นเพียงผู้ใช้และเป็นตัวกลางซื้อขายเทคโนโลยีเป็นส่วนใหญ่ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ควรปรับเปลี่ยนบทบาทให้เป็นผู้คิดค้นนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจ

 

รัฐบาลต้องสนับสนุนนโยบาย เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยตั้งแต่ระดับ SME สามารถก้าวสู่การเป็นผู้คิดค้น และเป็นผู้ผลิตสินค้าและบริการดิจิทัล ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกอุตสาหกรรม

โดยเฉพาะด้านการเกษตร เพื่อมุ่งสู่ศูนย์กลางความมั่นคงทางอาหาร  จึงควรยกระดับการเกษตรมีการทำ Agro Industry Transformation โดยใช้เทคโนโลยีอย่าง Smart Farming, Food Tech และ Digitalization มาช่วยบริหารการเพาะปลูก

อีกทั้งควรปรับระบบ Supply Chain ไปจนถึงการสร้างแบรนด์ไทยในระดับโลก โดยผลักดันการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้กับ 3,000-5,000 องค์กร สหกรณ์ และวิสาหกิจชุมชน ด้วยการสร้าง Soft Power สินค้า บริการ ท่องเที่ยว ตลอดจนเตรียมพร้อมด้าน Digital Infrastructure สำหรับรองรับวิถีดิจิทัลในทุกอุตสาหกรรม

4. ตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งภูมิภาคอาเซียนภายในปี 2568 ยกระดับ R&D สร้างเทคสตาร์ทอัพ 20,000 บริษัทในไทยเพื่อช่วยเร่งให้เกิดการทำ Digital Transformation ได้เร็วขึ้น และทำให้เกิดการจ้างงาน Digital & Tech Workforce ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน

ประเทศไทยมีโอกาสดึงดูดนักลงทุนระดับโลก ด้วยความพร้อมทางภูมิศาสตร์ และความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยมีอยู่ เทคสตาร์ทอัพนับเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนธุรกิจด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการจ้างงาน

อีกทั้ง จำนวนสตาร์ทอัพยังเป็นเสมือนกระจกสะท้อนความสามารถการแข่งขันด้านดิจิทัล ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความมั่นใจในการตัดสินใจลงทุน

ศุภชัย2

รัฐบาลจึงควรตั้งเป้าหมายดึงดูดกองทุนหรือนักลงทุนระดับโลก (Big Boy) อย่างน้อย 3 ราย ยิ่งไปกว่านั้นประเทศไทยควรสร้าง 5 Innovation Center ระดับโลก ได้แก่ 1. Bio 2. Nano & Energy 3. Robotic & Digital 4. Space 5. Preventive Health care / Health Tech

อย่างไรก็ตามการตั้งเป้าเป็น Regional Innovation Hub หรือแหล่งการลงทุนและศูนย์สร้างสรรค์นวัตกรรมของภูมิภาค จะต้องพัฒนาศักยภาพการเป็น Innovation Cluster สำหรับผู้ประกอบการและนักวิจัยไทย ตลอดจนผลักดันนโยบายเร่งด่วนเพื่อดึงดูดการลงทุน และผู้เชี่ยวชาญระดับโลก พร้อมทั้งเร่งยกระดับงานวิจัยและนวัตกรรม โดยประสานพลังภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาให้เกิดการใช้งานจริงได้ในระดับโลก

5. สร้างสังคมดิจิทัล ควบคู่ส่งเสริมคุณธรรม และวัฒนธรรมที่ดีงาม ผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นสังคมดิจิทัลเต็มรูปแบบ ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความยั่งยืนโดยขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางจำนวน 1 ล้านคน ให้สามารถเข้าถึงบริการดิจิทัลอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมภายในปี 2566

พร้อมกันนี้ รัฐบาลควรส่งเสริมสร้างภูมิคุ้มกันด้านดิจิทัล (Digital Vaccine) ความปลอดภัย และความรู้เท่าทันเทคโนโลยีให้แก่ประชาชน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแก้ปัญหาของประเทศทุกมิติ โดยการใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนแบบ Green Economy ที่คำนึงถึงความยั่งยืน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ และการส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือก เพื่อให้ต้นทุนพลังงานถูกลง จึงจะเกิดการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างแพร่หลายทั่วถึงและยั่งยืน

นอกจากนี้ รัฐควรผลักดันนโยบายที่สนับสนุนดิจิทัลคอนเทนต์คุณภาพของไทย โดยการสร้างอัตลักษณ์คุณค่าทางวัฒนธรรมไทย ที่ผสมผสานทั้งสื่อ วัฒนธรรมและเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกัน

ขณะเดียวกัน ควรสนับสนุนคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรมในช่วงเวลา Prime Time ด้วยการสร้างแรงจูงใจ (Incentive) เช่น เงินทุนสนับสนุน ทำให้ประเทศสามารถหล่อหลอมวัฒนธรรมที่ดีงามไปกับเทคโนโลยี ถือเป็นการขับเคลื่อนวัฒนธรรมของชาติให้ออกสู่เวทีโลก

นายศุภชัย ได้สรุปให้เห็นถึง 7 ประเด็นสำคัญที่อยู่ภายใต้ 5 ข้อเสนอข้างต้น เพื่อเป็นแนวทางแก่รัฐบาลใหม่ ในการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ดังนี้

ศุภชัย1

 

1. กำหนดวิชาภาษาคอมพิวเตอร์/Computer Science เป็นวิชาหลักในการหลักสูตรการศึกษาพื้นฐาน และเด็กทุกคนต้องมีคอมพิวเตอร์ที่มีซอฟต์แวร์คัดกรองที่ดีและมีคุณธรรมในการใช้เทคโนโลยี

2. ส่งเสริม Media & Content ที่เกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรม ในช่วง Prime Time ด้วยการให้ Incentive

3. ตั้งเป้าเทคสตาร์ทอัพ 2 หมื่นบริษัท เพื่อช่วย Digital Transformation และ Digital & Tech Workforce 1 ล้านคน

4. ยกระดับการเกษตร Agro Industry Transformation / Smart Farming / Food Tech & Brand / สร้าง 3,000-5,000 องค์กร สหกรณ์และวิสาหกิจชุมชน 5.0

5. ดึงดูดคนเก่งและคนดีเข้าสู่ระบบราชการระดับบริหารด้วยการปรับเงินเดือน เทียบเท่าหรือสูงกว่าเอกชน ปรับรัฐบาลเป็นรัฐบาลดิจิทัล (E-Government) และควรมีข้าราชการที่มีทักษะดิจิทัลอย่างน้อย 20%

6. สร้าง 5 Innovation Centers ระดับโลก ได้แก่ 1. Bio 2. Nano & Energy 3. Robotic & Digital 4. Space 5. Preventive Health Care/Health Tech

7. สนับสนุนการต่อยอดผู้ประกอบการไทย

ทางสภาดิจิทัลฯ ได้สรุปความเห็นของที่ปรึกษาทรงคุณวุฒิ รองประธาน คณะกรรมการ สมาคมสมาชิก และองค์กรพันธมิตร สภาดิจิทัลฯ และนำเสนอแนวคิดการขับเคลื่อนด้านดิจิทัลของประเทศแก่พรรคการเมืองต่างๆ ในการเลือกตั้ง 2566

ทั้งนี้ เพื่อเป็นแนวทางกำหนดนโยบายเพื่อการพัฒนาประเทศ ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเร่งช่วยต่อยอดให้ผู้ประกอบการไทยได้ต่อไปอย่างแข็งแรงและเติบโต ทั้งในเวทีระดับประเทศ และระดับโลก

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo