บิ๊กทรู “ศุภชัย” ประกาศพร้อมทำงานร่วมกับ กสทช. แจงชัดเหตุผล ทรูควบรวมดีแทค ไม่ต้องขออนุมัติ ด้าน บิ๊ก เทเลนอร์ กดดัน กสทช. รักษาเวลาตามกฏหมาย
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานกรรมการ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การที่ทรูควบรวมดีแทค จะสามารถทำให้ศักภยภาพในการบริการดีขึ้น มีเทคโนโลยีที่ใช้พร้อมแข่งกับผู้ให้บริการ OTT อีกทั้งการดิสรัปชั่นอุตสาหกรรม เป็นจุดสำคัญที่ทำให้ต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง
สาเหตุของการตัดสินใจควบรวมทรู และ ดีแทค เกิดขึ้นจากการแข่งขันของทั้งสององค์กรค่อย ๆ ลดน้อยลง ขณะที่ความเสี่ยงสูงขึ้นอย่างมาก แลนด์สเคปธุรกิจ และการแข่งขันที่เปลี่ยนไป โดยปัจจุบันธุรกิจโทรคมนาคม ไม่ได้แข่งขันกันเองเท่านั้น หากแต่ต้องแข่งขันผู้ประกอบการระดับโลก
ขณะที่อุตสาหกรรมมือถือ ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ทุกรายมีรายได้ลดลง แต่การลงทุนสูงขึ้น จากการเปลี่ยนเทคโนโลยีจาก 4G เป็น 5G ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เห็นได้จากผู้ประกอบการระดับโลกที่ให้บริการ OTT รายได้จากเสียง (วอยซ์) ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องทุกปี รวมถึงรายได้จากการส่งข้อความที่ลดน้อยลงอย่างมากจนแทบไม่เหลือ
การแข่งขันของโทรคมนาคม สนามการแข่งขันเปลี่ยนไปเยอะมาก ผู้ประกอบการด้านดิจิทัลมีเดียเข้าพื้นที่ ทำให้ศักยภาะของทั้งสององค์กรลดลงไปเรื่อยๆ
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาด้านการเงินที่มีการลงทุนสูง จากเทคโนโลยี 5G รวมถึงการลงทุนคลื่น ที่ต้องส่งเงินให้กับภาครัฐ ทำให้การลงทุนภาพรวมไม่เต็มที่และต่อเนื่อง ส่งผลให้ศักยภาพโดยรวมถดถอยลง
อย่างไรก็ตาม อยากให้ ผู้กำกับดูแล อย่างสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) หรือด้านกฏหมาย มองว่า การที่ทรูควบรวมดีแทค ครั้งนี้ เป็นการควบรวมเพื่อเสริมสร้างการแข่งขัน ให้ผู้บริโภคและประเทศได้รับประโยชน์สูงสุด เพราะคลื่นใหญ่ขึ้น ขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมถึง 5 หมื่นเสา
ที่สำคัญคือ การควบรวมครั้งนี้ไม่มีการไล่พนักงานออก ซึ่งการที่มีพนักงานเพิ่มขึ้น จะทำให้การบริการดีขึ้น มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มากขึ้นเพื่อรับมือการแข่งขัน
สำหรับการควบรวมครั้งนี้ จะเป็นการควบรวมทั้งกลุ่มเทเลนอร์และซีพี ที่มีสัดส่วนการถือหุ้น 30% ทำให้จะเป็นมหาชนที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เพียงรายใดรายหนึ่ง
นายศุภชัย กล่าวว่า ขั้นตอนขณะนี้ เรกูเลเตอร์ กสทช.ต้องพิจารณา โดยทรูยื่นเรื่องเข้าไปตั้งแต่มกราคม ซึ่งการพิจารณามีใน 90 วัน ซึ่งตามหลักการต้องเสร็จสิ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่จนถึงขณะนี้ ยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ
นี่คือการควบรวม ไม่ใช่การเทคโอเวอร์ ใบอนุญาต (ไลเซ่นส์) ทุกอย่าง เหมือนเดิม บริษัทภายใต้บริษัท แม่ยังเหมือนเดิม จึงเป็นการพิจารณาเรื่องของเงื่อนไขเพิ่มเติมที่เป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจ ประเทศ และประชาชน ประเทศชาติ ไม่ใช่การพิจารณาเพื่อขออนุมัติ
ทั้งนี้ ทรูต้องการให้การควบรวมเสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อไม่ให้กระทบต่อตลาดทุน และความมั่นใจของตลาดทุน ตลอดจนสิทธิประโยชน์ แก่ผู้บริโภคชาวไทย ลูกค้าทั้งสองบริษัท ที่ต้องล่าช้าตามไปด้วย
กรณีที่แผนเลื่อนออกไป ความกดดันของทั้งสององค์กร ก็จะสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ หากกระบวนการไม่ผ่าน จะส่งผลให้ภาพของทั้งสองบริษัท ถูกมองว่าเป็นองค์กรที่ไม่แข็งแรง การแข่งขันก็จะถดถอยลง ในทางกลับกัน หากควบรวมได้สำเร็จ จะทำให้เกิดการผนึกกำลัง เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดกว่าเดิม
ในส่วนของแผนธุรกิจหลังจากควบรวม เบื้องต้นได้ส่ง กสทช. พิจารณาแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 โดยการร่วมมือครั้งนี่จะช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการให้บริการจากโครงข่ายทั้ง 2 เจ้าที่มีอยู่ให้ดีขึ้น และช่วยลดต้นทุน เพิ่มความสามารถการลงทุนโครงข่าย 5 G และ 6G ในอนาคต รวมทั้งจะหันมารุกขยายฐานดิจิทัลทรานฟอร์มให้มากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงเดือนนี้หรือสิงหาคมปีนี้
หากดีลควบรวมสำเร็จ จะมีการตั้งกอง VC เพื่อลงทุนธุรกิจสตาร์ทอัพของไทย จำนวนเลขหมายคงปรับลดเหลือราว 46-47 ล้านเลขหมายใกล้เคียงโอเปอเรเตอร์อื่น เพราะหมายเลขทับซ้อนกัน และดำเนินตามกฎหมายควบรวมปี 2561 ซึ่งการควบรวมคงไม่ทำให้เกิดการผูกขาด เพราะคนกำหนดราคาค่าบริการคือ กสทช.
ในทางกลับกัน หากดีลนี้ไม่สำเร็จ ตามกฏหมายการควบรวมปี 2561 การควบรวมไม่ใช่การเข้าซื้อกิจการ กสทช.ไม่มีอำนาจอนุมัติยืนยัน แต่ กสทช.มีอำนาจในการสร้างเงื่อนไข ที่จะลดผลกระทบทางลบ และสร้างผลประโยชน์ในทางบวก ซึ่งบริษัทยินดีอย่างยิ่งที่จะทำงานร่วมกับ กสทช. ต่อเงื่อนไขเหล่านั้น เพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อการควบรวม
ยกตัวอย่างกรณีของ เอไอเอส เป็นการเทคโอเวอร์ โครงสร้างผู้ถือหุ้นไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งตามระเบียบ กสทช. ต้องขออนุมัติตามกฏหมาย แตกต่างจากการควบรวม อย่างไรก็ตาม ไม่มีแผนที่จะฟ้องกสทช. หากดีลนี้ไม่ผ่าน แต่เข้าใจว่า กสทช.ชุดใหม่ เพิ่งเข้ามา คงต้องใช้เวลาในการพิจารณา
หากจะมีข้อโต้แย้งที่จะไม่อนุมัติต้องไปที่ศาลปกครอง ซึ่งไม่มีผู้ให้บริการรายไหนอยากจะไปถึงจุดนั้น ดังนั้นหวังให้มีการทำงานร่วมกันเพื่อเวิร์คออนเรื่องเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อทำให้อุตสาหกรรมและประเทศชาติดีขึ้นกว่าเดิม ส่วนเรื่องราคาไม่ต้องกังวลไป เพราะมีกสทช.คอยควบคุมอยู่แล้ว
ด้านนายซิคเว่ เบรคเก้ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เทเลนอร์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า การควบรวมกิจการครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์สุงสุดให้ชาวไทย จึงอยากให้ กสทช. รักษาเวลาที่กำหนดไว้ตามกฏหมาย และเป็นความร่วมมือที่ตั้งใจจะทำให้มีการส่งมอบระบบเศรษฐกิจที่ดีในประเทศไทย
ทั้งนี้ หลังจากการควบรวม เทเลนอร์ มีแผนจะลงทุนกว่า 7,300 ล้านบาทเพื่อสร้างธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital) ที่จะเน้นด้านศูนย์กลางนวัตกรรม ที่จะสร้างโอกาสสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพที่แข็งแกร่ง และสนับสนุนผู้ประกอบการเพื่อสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จระดับภูมิภาค ด้วยศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางทางเทคโนโลยีในอนาคต
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- อนุกรรมการฯ ลงมติค้าน 3:1 ดีลควบรวม ‘ทรู-ดีแทค’ – จับตามือดีชงรายงานบิดเบือนให้บอร์ดอนุมัติ
- บอร์ดกสทช.วันนี้!! ดับฝันควบรวม ‘ทรู-ดีแทค’ มติอนุกรรมการฯ 10 ต่อ1 ‘บอร์ดกสทช.มีอำนาจ’
- ดีลควบรวม ‘ทรู – ดีแทค’ : ‘กสทช.- กขค.’ อยากให้ถูกจดจำแบบไหน ในหน้าประวัติศาสตร์
